นายกฯ มอบ “ภูมิธรรม-อนุทิน” แก้ไฟใต้ด่วน ขณะที่“ภูมิธรรม” กาง 3 เงื่อนไขเจรจา ลั่นต้องยึด รธน.ไทย-ไม่แบ่งแยกรัฐ พร้อมเพิ่มกำลังดูแลประชาชน ด้าน‘บิ๊กเล็ก’ลงพื้นที่ 7พ.ค.นี้ พร้อมรับฟังข้อมูลรอบด้าน ปรับแผนดับไฟใต้ ยันได้รับมอบหมายแล้วพร้อมช่วยดูแลแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่
เมื่อวันที่ 6พฤษภาคม แฟนเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้า โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความเปิดข้อสั่งการ นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้มอบหมายให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ร่วมกับหน่วยความมั่นคง เร่งดำเนินมาตรการป้องกันเพิ่มเติม และแก้ปัญหาโดยด่วน พร้อมกับให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย สั่งผู้ว่าฯ จังหวัดในพื้นที่ ร่วมมือกับทุกภาคส่วนแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการดูแลทุกข์สุขและขวัญกำลังใจประชาชน การเสนอวาระต่อ ครม.ให้ทุกหน่วยงาน วางแผนการส่งเรื่องทำตามกฎหมายให้ครบถ้วน ก่อนเสนอ ครม.ไม่ควรนำเรื่องเข้า ครม.เป็นวาระจรโดยไม่จำเป็น เพราะจะเกิดความไม่รอบคอบในการพิจารณา และขาดการรับฟังความเห็นที่ครบถ้วนจากทุกหน่วยงาน
ด้าน นายภูมิธรรม กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่าขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของประชาชน ทั้งไทยพุทธและมุสลิมที่ประสบเหตุ ตนคิดว่าการกระทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ต้องถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม และใช้ความรุนแรงในการเข้าไปแก้ปัญหาด้วยการเข้าไปยิงพระ สามเณร เด็ก คนชรา ผู้พิการ เป็นเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง ไม่ได้ช่วยให้สิ่งที่กำลังต่อสู้ประสบความสำเร็จ เราเองก็พร้อมที่จะแก้ปัญหานี้โดยเร็ว ซึ่งได้สั่งการให้ทั้งทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองปฏิบัติการเชิงรุกคือไม่อยู่ในที่ตั้ง ต้องตั้งด่านเข้มงวดขึ้น ปฏิบัติการให้เร็วขึ้น เข้าไปในจุดที่สงสัยว่าเกิดเหตุ ส่งกำลังเข้าไปดูแลประชาชนตั้งแต่ นายอันวาร์อิบราฮิม นายกฯมาเลเซียและน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้พูดคุยและตกลงว่า จะให้ฝ่ายปฏิบัติการที่ตนดูแลอยู่ พบกับผู้อำนวยการสะดวกทางมาเลเซีย ซึ่งเราได้พบกันแล้ว ได้บอกว่าประการแรก เราไม่ยอมรับความรุนแรง ดังนั้นถ้าจะใช้ความรุนแรงมันยากที่จะมาเจรจากัน ถ้าเขายอมรับในสิ่งที่เราตกลงกันว่าเราจะคุยกันอย่างสันติ คุณต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถยุติและมาเจรจากันได้ ไม่ใช่เราไม่พร้อมเจรจา ตนตั้งใจและยินดีที่จะเจรจาถ้าแก้ปัญหาได้
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ประการที่ 2 ได้บอกไปว่าเรายอมรับในพหุวัฒนธรรม ซึ่งเขาก็ต้องยอมรับในสิ่งนี้ด้วย ประเทศไทยมีจุดแข็งที่อยู่ร่วมกันได้ทุกศาสนา เมื่อก่อนในพื้นที่ภาคใต้ชาวไทยพุทธและมุสลิมก็อยู่ร่วมกัน เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นจากความพยายามในการแยกรัฐ ตนคิดว่าต้องอยู่ในสังคมพหุวัฒนธรรมc]tประการที่3 ตนยินดีจะเจรจาพูดคุย ภายใต้รัฐธรรมนูญไทย รัฐไทยเป็นรัฐเดียว แบ่งแยกไม่ได้ ดังนั้นการเจรจาเพื่อเป็นรัฐปาตานี หรือรัฐอะไรก็ตาม เราไม่พร้อมเจรจาด้วย
“การที่ประชาชนในพื้นที่จะมีส่วนร่วมบริหารจัดการ มีส่วนร่วมในการปกครองตัวเอง เรื่องนี้มาคุยกัน จะเอารูปแบบไหน ถ้ายึดหลักที่ได้บอกไป ไม่แบ่งแยกเป็นรัฐอิสระ ไม่ดำเนินการนอกรัฐธรรมนูญไทย ก็มาคุยกันว่าจะเอาแบบไหน ได้ให้เงื่อนไขกับผู้อำนวยความสะดวกไปแล้ว “ รองนายกฯ กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ รมช.กลาโหม ลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ เพื่อไปพูดคุยให้กำลังใจดูแลเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง และขอให้ชาวไทยมองปัญหาอย่างเข้าใจ เห็นใจเจ้าหน้าที่ซึ่งเสี่ยงชีวิต อย่าหลงประเด็นที่ถูกบิดเบือน เพราะประเด็นสำคัญคือไม่ควรมีการเข่นฆ่าพี่น้องประชาชน ถ้าไม่มีเรื่องนี้แล้วค่อยมาคุยกัน แต่ถ้าเอาเรื่องนี้มาบีบเราคงยอมไม่ได้ และต้องดำเนินการอย่างแข็งแรงเด็ดขาด เพื่อให้ประชาชนของเรามีความปลอดภัย
ขณะที่พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวว่า นายภูมิธรรม ได้มอบหมายให้ไปพูดคุยกับหน่วยงานในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเร่งรัดการดำเนินการว่าจะทำอย่างไร และการลงพื้นที่ครั้งนี้จะงดทุกอย่างที่เป็นทางการ เนื่องจากปัจจุบันหน่วยงานในพื้นที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้น จะไม่ไปรบกวนการทำงาน จะไปพบแม่ทัพภาคที่ 4 และบางหน่วย ส่วนการเกิดสถานการณ์รุนแรงต่อเนื่องนั้น จะมีการปรับแผน ที่ผ่านมาตนไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง ส่วนใหญ่ กอ.รมน.เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งนายภูมิธรรม ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้กำกับดูแล ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิเคราะห์ถึงสาเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ว่ามาจากอะไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า กำลังวิเคราะห์กันอยู่ แต่อยากลงไปฟังด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาได้รับเพียงรายงาน เมื่อถามว่า กระบวนการพูดคุยสันติสุขควรจะมีความชัดเจนหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่าขอลงพื้นที่ไปพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องก่อน ทั้งหน่วยทหาร ผู้นำศาสนา เมื่อกลับมาแล้วจะรายงานให้ นายภูมิธรรม ทราบเพื่อกำหนดแนวทางให้ชัดเจนอย่างเร่งด่วน ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ
รายงานข่าวแจ้งว่า ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี หรือบีอาร์เอ็น ออกแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษร แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ปาตานีดารุสซาลาม ซึ่งมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและได้รับความเดือดร้อน โดยยืนยันว่า บีอาร์เอ็น ไม่มีนโยบายโจมตีเป้าหมายพลเรือนในแถลงการณ์ยังเน้นย้ำว่า การเคลื่อนไหวของบีอาร์เอ็น มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรีของประชาชนมลายูปาตานี ยึดมั่นในสิทธิในการกำหนดอนาคตตนเอง และยืนยันว่าจะดำเนินการภายใต้กรอบของสิทธิมนุษยชนสากลและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ บีอาร์เอ็น เรียกร้องให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะรัฐบาลไทยและกลุ่มติดอาวุธ หลีกเลี่ยงการกระทำที่เป็นอันตรายต่อประชาชน พร้อมเสนอให้มีการสอบสวนเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างโปร่งใส เพื่อสร้างความไว้วางใจและลดความตึงเครียดในพื้นที่ ข้อความในแถลงการณ์ระบุชัดเจนว่า “การต่อสู้ของพวกเรามีเป้าหมายเพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรีของประชาชนปาตานี มิใช่เพื่อสร้างความหวาดกลัว” ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเชิญชวนให้ทุกฝ่าย “ยืนหยัดร่วมกันด้วยสันติและปัญญา” โดยแถลงการณ์ฉบับนี้มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ที่ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง แม้จะมีความพยายามในการเจรจาสันติภาพ มาอย่างยาวนานจากหลายภาคส่วน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี