‘ทวี’งัดก.ม.ขู่ผวจ.อำนาจเจริญ
ศึกฮั้วสว.บานปลาย
หลังดีเอสไอลงพื้นที่สอบพยาน
‘อนุทิน’ยัน‘มท.-ยธ.’ไร้ขัดแย้ง
เหน็บคนยุแหย่เห็นดีกันไม่ได้
“ทวี” ขู่ฟัน “ผู้ว่าฯอำนาจเจริญ” เป็นอุปสรรคสอบ “ฮั้วสว.” ระวังโดนม.22 โทษหนักจำคุก 1-10 ปี เร่งสอบหนังสือร้องเรียนปลัด มท.ยอมรับทั้ง 3 คนเป็นจนท.ดีเอสไอจริง ลงพื้นที่สอบพยานหลังถูกข่มขู่จากผู้มีอิทธิพล “อนุทิน” แจง“ทวี” ชี้แจงขั้นตอนกฎหมาย ไม่ได้ขู่ฟันผู้ว่าฯอำนาจเจริญ ยันหนักแน่น“มหาดไทย-ยุติธรรม” ไม่มีปัญหาทำงานคดีฮั้วสว. เหน็บคนเขย่าเห็นคนดีกันไม่ได้ไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว“ปลัดมท.”เผย ยังไม่เห็นหนังสือ สั่งกำชับ ทุกพื้นที่ต้องไม่มีแอบอ้าง ต้องเป็นไปตามกฎหมาย
จากกรณีนายณรงค์ เทพเสนา ผวจ.อำนาจเจริญ ทำหนังสือลับถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่อง รายงานเหตุกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ ขอสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 2 ราย ซึ่งกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้แต่งเครื่องแบบ ไม่ได้แสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเครื่องหมายใดๆ ที่แสดงว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยได้เข้าไปในบ้านของอดีตผู้สมัคร สว. และถอดปลั๊กไฟของกล้องวงจรปิด เพื่อไม่ให้มีการบันทึกภาพและเสียงและพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งได้บังคับให้อดีตผู้สมัคร สว. รับสารภาพว่าได้กระทำความผิดในการฮั้วการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 6พฤษภาคม2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่าว่า ได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว พนักงานสอบสวนได้เดินทางไปตรวจสอบที่ จ.อำนาจเจริญ และพยานบุคคลกว่า 10 ปาก ซึ่งพยานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนเรื่องหนังสือของผู้ว่าฯ นั้น กำลังตรวจสอบ เนื่องจากโดยหลักการสอบสวนคดีพิเศษ เรามีกฎหมายมาตรา 22 ถ้าเป็นคดีพิเศษผู้ว่ามีอำนาจในการสืบสวนสอบสวน หากมีการประสานงานไปต้องให้ความร่วมมือ ถ้าไม่ร่วมมือจะมีโทษที่เกี่ยวข้องจำคุก1-10 ปี ซึ่งได้ให้อธิบดีดีเอสไอใช้กฎหมายและข้อบังคับ เพราะที่อำนาจเจริญมีพยานกว่า 300 ปาก แต่ไม่จำเป็นต้องสอบทั้งหมด เนื่องจากได้หลักฐานที่เป็นพยานวัตถุ เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ สามารถย้อนกลับไปดูในที่เกิดเหตุได้ รวมถึงร่องรอยทางโทรศัพท์
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ทั้งนี้ ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีอุปสรรคในการสืบสวนสอบสวน แต่ถ้ามีอุปสรรคก็ขอให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ใช้กฎหมายและข้อบังคับ ที่ออกในปี 2547 ดำเนินคดีได้ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ 3 คน ที่ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ และถูกร้องเรียน เป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจริงหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี ยอมรับว่า เป็นพนักงานสอบสวนของดีเอสไอจริง และได้รับความร่วมมือดี
เมื่อถามว่า เหตุใดผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ ถึงได้แจ้งว่ามีการข่มขู่พยาน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่ายังไม่เคยแจ้งมาที่ตน หากผู้ว่าฯ พบการข่มขู่ ขอให้รายงานมาที่ตน อีกทั้งพนักงานสอบสวนของดีเอสไอลงพื้นที่อำนาจเจริญตามคำเรียกร้องของพยาน ว่าถูกข่มขู่จากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จึงอยากให้ดีเอสไอไปสอบปากคำ ขณะเดียวกันไม่มีเงินที่จะเดินทางมาที่ กทม.เมื่อถามว่า ขั้นตอนคดีการฮั้วเลือก สว. จะเสร็จแล้วหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อยู่ในกระบวนการของพนักงานสอบสวน ตนไม่สามารถแทรกแซงได้ แต่ไม่มีปัญหาและอุปสรรค
เมื่อถามว่า คดีนี้ถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องการเมือง ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน เพราะเรื่องเป็นคดีพิเศษก็ว่ากันไป ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน จะทำอะไรนอกเหนือกฎหมาย ข้อบังคับ และพยานหลักฐาน ไม่ได้ เช่นเดียวกันบุคคลจะมีอิทธิพลเหนือกฎหมายไม่ได้
เมื่อถามว่า ทางดีเอสไอเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา 138 สว.และอีก 2สว.สำรอง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ต้องไปถามอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งขณะนี้ก็ทำงานหนัก และให้คำนึงว่าเรื่องนี้ประชาชนให้ความสนใจ ขอให้ทุกขั้นตอนมีพยานค้ำยันทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงเส้นทางการเงิน และการใช้โทรศัพท์ติดต่อ ประกอบกับหลักและเหตุผล
เมื่อถามว่า จะมีโอกาสแจ้งข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์นี้หรือไม่หลังครบ 2 เดือนแล้ว พ.ต.อทวี กล่าวว่า มีรายงานว่ามาจะเร่งรัดตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคม ก็รอดูอยู่ ทั้งนี้ ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องการสอบพยานมากนัก เพราะกลัวมีข้อครหาว่าการเมืองเข้าไปยุ่งเกี่ยว ส่วนการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ข้อมูลนั้น ก็ให้รอหมายเรียก ยังไม่แน่ชัดว่าจะทยอยออก หรือออกครั้งเดียว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การสอบสวนจะเชื่อมโยงไปยังนักการเมืองหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า หากถึงใครก็ดำเนินการหมด ไม่มีละเว้นใคร เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีชื่อรัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้อง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เคยออกจากปากตน
ที่ทำเนียบรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าว พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เตรียมขู่ฟันผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ที่เป็นอุปสรรคต่อการสอบคดีฮั้วสว. ว่า สื่อถามแบบนี้อีกแล้ว ตนไปอ่านข่าว และดูเทปสัมภาษณ์ไม่มีการพูดขู่ฟันผู้ว่าฯที่ไหน ท่านเพียงแต่อธิบายข้อกฎหมาย ถ้าใครไม่ให้ความร่วมมือก็อาจเข้าข่ายถูกดำเนินคดี ซึ่งท่านไม่ได้ฟันผู้ว่าฯ ฟันได้อย่างไรคนละหน่วยงานกัน ซึ่งคนที่ฟันผู้ว่าฯได้คือปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าฯมีหน้าที่ดูแลสารทุกข์สุขดิบของประชาชน เมื่อประชาชนแจ้งความร้องเรียนมาก็ดำเนินการตามข้อเท็จจริง ซึ่งแต่ละวันผู้ว่าราชการจังหวัด รายงานเรื่องเข้ามาที่ผู้บังคับบัญชาเยอะมาก
เมื่อถามว่า ต่อไปหากดีเอสไอ ขอความร่วมมือเกี่ยวกับคดีฮั้วเลือกตั้งสว. จะมีการดำเนินการอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องทำตามกฏหมายทุกอย่าง ถ้าไม่ทำตามก็ต้องเป็นไปตามที่รมว.ยุติธรรม กล่าวไว้ข้างต้น เมื่อถามว่า ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้พูดคุยกับพ.ต.อ.ทวีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้คุย เพราะไม่ได้นั่งใกล้กัน
เมื่อถามว่า มีการมองว่าขณะนี้กระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงยุติธรรมกำลังสู้กันจากเรื่องคดีฮั้วสว. มองอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เขาก็อยากเขย่า ดีกันไม่ได้ ดีแล้วมีคนเดือดร้อน ดีกันแล้วเกิดความอึดอัดไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว จริงๆคนในคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีความกลมเกลียวกันดีไม่มีปัญหากันเลย
นายอรรษิษฐ์สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนยังไม่เห็นหนังสือลับที่ผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ แจ้งไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งก็คงมีการเสนอขึ้นมา โดยเป็นรายงานจากจ.อำนาจเจริญทั้งนี้ ทราบว่าคนที่ได้รับการข่มขู่ได้ไปแจ้งความตามกฏหมายแล้ว ซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมายอยู่แล้ว เพราะว่าการที่เราจะไปเคหะสถานของคนอื่น ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่แล้วอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ก็ผิดตามกฎหมายแล้ว เพราะถือว่าแอบอ้าง แต่ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ก็ต้องมีหมายค้นหรือหมายเรียกอะไรก็แล้วแต่คงต้องมีการกำชับทุกที่ว่ามีการแอบอ้างไม่ได้ แต่ถ้าเป็นไปตามข้อกฎหมายเจ้าหน้าที่มาตามระเบียบขั้นตอนถูกต้องก็ต้องให้ความร่วมมือ เมื่อถามว่า มีรายงานว่ามีพื้นที่อื่นที่เกิดลักษณะเหมือนที่ จ.อำนาจเจริญหรือไม่ ปลัดมหาดไทย กล่าวว่า ยังไม่มี ซึ่งจ.อำนาจเจริญ แจ้งเข้ามารายแรก ก็เห็นตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าวเมื่อถามว่า ก่อนที่หนังสือจะถึงเป็นทางการมีการสั่งการอะไรเบื้องต้นหรือไม่ นายอรรษิษฐ์ กล่าวว่า ยัง ต้องรอดูหนังสือที่ทางกองการจะเสนอมา
ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ได้รับรายงานเบื้องต้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมพยานหลักฐานการสอบสวนแล้วยืนยันได้ว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 3 รายดังกล่าว คือ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอส่วนภาค กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ได้ลงพื้นที่ไปยังสถานที่ดังกล่าวจริง เพื่อสอบสวนปากคำพยาน โดยไม่ได้มีพฤติการณ์ตามที่ถูกกล่าวอ้าง ไม่มีการข่มขู่คุกคามพยาน เพราะเป็นการซักถามข้อมูลตามปกติ อีกทั้งปัจจุบันนี้ หากพยานรายใด หรือผู้ใดยืนยันว่าตนถูกเจ้าหน้าที่รัฐข่มขู่บังคับให้รับสารภาพ หรือไม่เชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจริง หรือเป็นผู้ที่ไม่สุจริต คงจะมีการบันทึกภาพเคลื่อนไหว นำมาเป็นหลักฐานได้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ หลักการสอบสวนปากคำพยาน ต้องดำเนินการด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม ไม่มีความจำเป็นต้องข่มขู่เช่นนั้น ทั้งนี้ มองว่าหนังสือและรายละเอียดที่ปรากฏออกมา เหมือนเป็นการดิสเครดิตการทำหน้าที่ของดีเอสไอหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี