17 ธ.ค.56 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายมาลัยรักษ์ ทองชัย โฆษก กวป.ได้เข้ายื่นหนังสือต่อดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.พร้อมพวก รวม 16 คน เป็นกบฏตาม มาตรา 113 และกระทำการให้ประชาชนแก่ประชาชนอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต ตามมาตรา 116 และมาตรา 117 ก้าวล่วงสถาบัน ประมวลกฎหมายอาญา เบื้องต้นดีเอสไอรับเรื่องไว้ประกอบการประมวลเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ
ต่อมา เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) นายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรองประธาน กคพ.พร้อมด้วยคณะกรรมการคดีพิเศษ ร่วมประชุมเพื่อพิจารณารับคดีอาญาเป็นคดีพิเศษโดยมี นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นเลขานุการ กคพ.ประมวลเรื่องเข้าสู่การพิจารณา หลังการประชุมประมาณ 2 ช.ม.ที่ชุมมีมติรับคดี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกลุ่ม กปปส.พร้อมพวก ที่เกิดในช่วงการชุมนุมเป็นคดีพิเศษ
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุม กคพ.มีมติรับกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมพวก ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดทางอาญา สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่ กทม.และบางจังหวัดตั้งแต่วันที่ ส.ค.เป็นต้นมา และความผิดที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพัน โดยมีมติให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ พนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ร่วมสอบสวนด้วยความโปร่งใส ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เนื่องจากเป็นคดีที่มีซับซ้อนต้องใช้ พ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ บูรณาการร่วมกัน 3 ฝ่าย เพื่อประสิทธิภาพและความเป็นธรรม
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ตนยืนยันว่า การพิจารณาของคณะกรรมการ กคพ.เป็นไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพราะการสอบสวนของตำรวจได้พบความผิดเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จนกระทั่งศาลอาญาออกหมายจับในคดีกบฎ เบื้องต้น ตำรวจได้รับคดีเกี่ยวกับ กปปส.ไว้ 60 คดี แต่พิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษมีเพียง 20 คดี โดยมีฐานความผิดในคดีหลัก ประกอบด้วย มาตรา 113 มาตรา 114 มาตรา 116 มาตรา 117 มาตรา 210 และมาตรา 215 ประมวลกฎหมายอาญา โดยดีเอสไอสามารถดำเนินคดีได้ทั้งหมดในคดีเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันในภาพรวมรวม ทั้งกลุ่มท่อน้ำเลี้ยงสนับสนุน ซึ่งจะไม่รวมคดีเล็กน้อยพกพาอาวุธมีดหรือทำร้ายร่างกายกัน
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีก สำหรับแนวทางการสอบสวนตนจะเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คดีดังกล่าวเป็นนัดแรกในเวลา 14.00 น.วันที่ 18 ธ.ค.56 โดยจะมีการพิจารณาออกหมายเรียกแกนนำคนอื่นๆ ด้วย และกลุ่มท่อน้ำเลี้ยง การตรวจสอบบัญชีและการอายัดบัญชี ตนจะแถลงแนวทางการดำเนินคดีหลังการประชุม
ส่วนคดีที่กบฏที่ศาลอาญาออกหมายจับนายสุเทพ ไว้ เมื่อ กคพ.ลงมติเป็นคดีพิเศษ หมายจับคดีดังกล่าวจะอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอและพนักงานสอบสวนจาก สตช.
ส่วนแนวทางการนำตัวนายสุเทพ มาดำเนินคดีตามหมายจับยังเร็วเกินไปที่จะตอบว่าจะออกไปจับกุมภายนอก หรือจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งต้องหารือกับพนักงานสอบสวนก่อน
มีรายงานว่า สำหรับคดีที่ดีเอสไอได้รับไว้เป็นคดีพิเศษ เพื่อดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมพวกประกอบด้วยมาตรา 113 ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ(1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ (2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญหรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ (3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
มาตรา 114 ผู้ใดสะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใดหรือสมคบกัน เพื่อเป็นกบฏ หรือกระทำความผิดใด ๆ อันเป็นส่วนของ แผนการ เพื่อเป็นกบฏ หรือยุยงราษฎรให้เป็นกบฎหรือรู้ว่ามีผู้จะเป็น กบฎแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี
มาตรา 116 ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต (1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือ (3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี
มาตรา 117 ผู้ใดยุยงหรือจัดให้เกิดการร่วมกันหยุดงาน การร่วม กันปิดงานงดจ้าง หรือการร่วมกันไม่ยอมค้าขายหรือติดต่อทางธุรกิจ กับบุคคลใด ๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดิน เพื่อ บังคับรัฐบาลหรือเพื่อข่มขู่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 210 ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิด อย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมี กำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐาน เป็นซ่องโจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่น บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าเป็นการสมคบเพื่อกระทำความผิดที่มีระวางโทษถึงประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวาง โทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่พันบาทถึงสองหมื่นบาท
มาตรา 215 ผู้ใดมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิด การวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือ ปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการ กระทำความผิดนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี