ในตอนที่แล้ว เรานำเสนอถึงปัญหาเสพติดเกมออนไลน์ ส่วนในตอนนี้ เราจะนำเสนออีกประเด็นหนึ่ง นั่นคือภาวะหลงในโลกเสมือนแห่งนี้ และมองว่าคือทุกอย่างของชีวิต
“ท่านรู้จัก..เด็กติ่ง..ไหมครับ? เด็กติ่งจะมีวัฒนธรรมแบบหนึ่งคือเลียนแบบสื่อ คุณอัมรินทร์เขาใช้แนวคิดว่าเห็นเด็กๆ เลียนแบบสื่อ แต่งหน้าทาปาก อยากจะเป็น Net Idol อยากจะรู้สึกว่าตัวเองเป็น Somebody เป็นใครบางคนในสังคม เพราะฉะนั้นพฤติกรรมที่เห็นวันนี้ มันสะท้อนมาจากภาพสื่อ”
ธาม เชื้อสถาปนาศิริ นักวิชาการสถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ กล่าวถึงค่านิยมบางอย่างของคนยุคนี้ ที่ได้รับอิทธิพลจากสื่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อออนไลน์ เช่น คำว่า “Net Idol” ที่หมายถึงผู้ใช้สื่อออนไลน์ทำให้ตนเองมีชื่อเสียงโด่งดัง พร้อมกับยกผลงานศิลปะของศิลปินท่านหนึ่ง ที่ว่าด้วยพฤติกรรมของผู้คนสมัยนี้มาเป็นตัวอย่าง
หรือศัพท์แสลงที่นักท่องเนตคุ้นเคยดีคือ “ติ่ง-เกรียน” ที่มีผู้อธิบายว่าหมายถึงบุคคลผู้ที่มีพฤติกรรมสร้างกระแสโอ้อวด เกะกะก่อกวนผู้อื่น เอาแต่ใจ หรือใช้ถ้อยคำหยาบคายแบบไร้เหตุผล ซึ่งส่วนมากคนกลุ่มนี้มักเป็นวัยมัธยมที่เด็กหญิงไว้ผมสั้นแค่ติ่งหู ส่วนเด็กชายจะไว้ผมสั้นเกรียน ทำให้ 2 คำนี้ถูกนำมาใช้ในความหมายเชิงลบดังกล่าว เท่ากับว่าสื่อใหม่นี้กำลังมีอิทธิพลมาก และยากที่จะควบคุมเพราะใครๆ ก็เป็นผู้ผลิตสื่อและส่งผ่านข้อมูลได้
นักวิชาการด้านสื่อรายนี้ แสดงความเป็นห่วงอาการหนึ่งที่กำลังระบาดไปทั่วโลก คือ “ภาวะหลงโลกออนไลน์” ที่เห็นได้ชัดคือปรากฏการณ์ “เซลฟี” (Selfie) ที่ผู้คนจะถ่ายรูปตนเองในอิริยาบถต่างๆ แล้วนำมาอวดกันบนสังคมออนไลน์ จากนั้นก็รอดูว่าจะมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น (Comment) หรือกดถูกใจ (Like) เท่าไร? ซึ่งพบว่าหลายรายถึงกับเครียด วิตกกังวล ไม่เป็นอันใช้ชีวิตอย่างปกติสุขหากรูปนั้นไม่มีคนสนใจ หรือแสดงความเห็นในเชิงลบ
“คุณหมอพรรณพิมล (พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต) บอกว่านี่คือโรคจิตออนไลน์ เป็นโรคใหม่ พจนานุกรมอังกฤษเขาบรรจุไว้เลยนะครับ ก็คือถ่ายรูปตัวเองแล้วก็มาอัพ-แชร์ ถ้าอาการหนักมากๆ คือโพสต์แล้วต้องนั่งรอ
ท่านเคยถ่ายรูปเค้กสวยๆ ไหมครับ? ถ่ายแล้วทำไงครับ? ไม่กินครับ ช้อนยังไม่ตักเลยเพราะไม่มีใครมากดไลค์ (Like) มาคอมเมนต์ (Comment) กินไม่ได้เดี๋ยวภาพเสียองค์ประกอบ กระวนกระวายใจ ทนไม่ได้ ต้องมีคนมาว่า..โอ๊ยอันนี้รูปสวยจังเลย นะ อิจฉาจังเลยนะได้กินเค้กด้วย..ก็สบายใจถึงได้กินได้” คุณธาม ยกตัวอย่าง
ภาวะหลงโลกออนไลน์อีกอย่างหนึ่ง คือการหลงใน “ตัวตน” ที่สร้างขึ้นบนโลกเสมือนแห่งนี้ คุณธาม เล่าต่อไปถึงการใช้เว็บไซต์สังคมออนไลน์อย่าง เฟซบุ๊ค (Facebook) ที่ผู้ใช้หลายรายมักจะสร้างอัตลักษณ์ของตนขึ้นเพื่อตอบสนองความอยากมีสถานภาพทางสังคม ซึ่งโลกในชีวิตจริงไม่อาจทำได้ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดภาวะเสพติด (Addict) ที่หากไม่ได้เล่น ก็จะเกิดอาการหงุดหงิด กระวนกระวาย และมองว่าโลกออนไลน์คือทุกอย่างของชีวิต
“อินเตอร์เนตกลายมาเป็นเพื่อน เป็นทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในนั้น ชีวิตของเขาเอาไปใช้ในนั้นหมดเลย กลายเป็นว่าถ้าเสพติดคือจะรอไม่ได้ หงุดหงิด นอนไม่หลับ โรคนี้ต่างจากการติดสื่ออื่นๆ เพราะผู้ใช้อินเตอร์เนตสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานคนอื่นๆ ได้ทันที เพราะอินเตอร์เนตเป็นอีกโลกหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าตัวเองมีตัวตนได้อย่างปราศจากกฎเกณฑ์ พื้นที่ เวลา และตัวตน เขาสามารถทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ภายใต้บุคลิกภาพแบบไหนก็ได้”
นักวิชาการด้านสื่อรายนี้ แสดงความเป็นห่วง โดยเฉพาะเว็บไซต์ยอดนิยมอย่างเฟซบุ๊ค ถึงขนาดที่ผู้ใช้หลายคนแทบจะสูญเสียความมั่นใจในตนเอง (Self Esteem) เพราะเห็นเรื่องราวของผู้อื่นในโลกออนไลน์ ที่ดูเก่งกว่า ดีกว่า สมบูรณ์แบบกว่า จนเกิดภาวะที่เรียกว่า “ซึมเศร้าเพราะโลกออนไลน์” (Facebook Depression)โดยอาจสังเกตพฤติกรรมได้ดังนี้
1.มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความเป็นจริงที่เป็นสุขของเพื่อนๆ ในโลกออนไลน์ 2.ตกเป็นเหยื่อทางอารมณ์ของกิจกรรมชีวิตประจำวันของผู้อื่นๆ 3.มักเปรียบเทียบระดับคุณภาพชีวิตของตนเองกับเพื่อนๆ อยู่เสมอ 4.มักเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ของตนเองอยู่เสมอ เพื่อเรียกร้องความสนใจ
5.รู้สึกกระวนกระวายใจ เมื่อไม่สามารถเช็คข้อความข่าวสารสถานะของคุณได้เหมือนที่ทำเป็นปกติ 6.มักลับสมองและค้นหาข้อความขำขัน แหลมคม อัพเดทสถานะแบบดึงดูดความสนใจ หรือโพสต์บทความต่างๆ ที่สร้างภาพว่าผู้โพสต์นั้นเก่ง เจ๋ง ดูเป็นผู้นำ มีความสุขและน่าตลกขบขัน
“อาจารย์ท่านหนึ่งเคยพูดกับผมว่า..ในเฟซบุ๊คน่ะ ไม่มีใครโพสต์เรื่องแย่ๆ หรอกนะ ผู้คนจะโพสต์แต่เรื่องดีๆ แต่ชีวิตจริงจะมีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย..เพราะฉะนั้นเวลาที่คุณเสพติดเรื่องดีๆ ของคนอื่น คุณจะรู้สึกว่าทำไมชีวิตของคุณมันเศร้ามาก มันก็จะเป็นเรื่องภาวะซึมเศร้าในโลกออนไลน์ ซึ่งเกิดขึ้นได้กับพวกเราทุกๆ คน” คุณธาม ฝากทิ้งท้าย
ทั้ง 2 ตอนที่ “สกู๊ปหน้า 5” ได้นำเสนอไป เรามิได้ต้องการให้โลกออนไลน์ตกเป็นจำเลยสังคม เพราะจริงๆ แล้วสังคมเสมือนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับเครื่องมือชิ้นหนึ่ง ที่หากผู้ใช้ขาดภูมิคุ้มกันทางใจแล้ว ย่อมส่งผลร้ายได้ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
แต่หากผู้ใช้มีสติ มีวิจารณญาณ ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์มากมาย..ทั้งความรู้และความบันเทิง
SCOOP@NAEWNA.COM
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี