การแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 21 คู่เวลา 01.00 น.วันจันทร์ที่ 2 ก.ค.61 เบลเยี่ยม แชมป์กลุ่ม จี พบกับ ญี่ปุ่น รองแชมป์กลุ่ม เอช ที่สนามรอสตอฟ อารีน่า เมืองรอสตอฟ ออน-ดอน
ก่อนเกมนี้ เบลเยียม ขึ้นมายึดเต็ง 3 หลังจากออกฟอร์มหรู ด้วยการชนะรวดทั้ง 3 นัดในรอบแรก เก็บ 9 คะแนนเต็มได้สำเร็จ และยังเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์บอลโลก ที่ใช้ผู้เล่นไปแล้วถึง 21 คนในการลงสนามเพียงแค่ 3 นัดในรอบแรก เท่ากับว่าที่ยังไม่ได้ลงเล่นครั้งนี้คือสองนายประตูสำรองเท่านั้น
ส่วน ญี่ปุ่น เข้ารอบมาแบบวัดใจสุดๆ เมื่อมีสถิติชนะ 1 เสมอ 2 เท่ากับ เซเนกัล แต่มีแฟร์เพลย์ที่ดีกว่า ด้วยการโดนเหลือง 4 ใบ ส่วน เซเนกัล 6 ใบ ทำให้เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์บอลโลก ที่เข้ารอบด้วยกฎนี้ เนื่องจากทั้งประตูได้เสีย, ประตูที่ยิงได้ และการพบกันโดยตรง หรือ เฮด ทู เฮด เท่ากันทั้งหมด
สถิติคู่นี้ถือว่าน่าสนใจเมื่อเจอกัน 5 ครั้ง ญี่ปุ่น เหนือกว่าด้วยการชนะ 2 เสมอ 1 เบลเยี่ยม ชนะได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่เป็นการชนะในการพบกันล่าสุดเมื่อ 14 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ด้วยสกอร์ 1-0
เริ่มเกมครึ่งแรก มาได้เพียงนาทีเดียว ญี่ปุ่น ก็ได้เสียวก่อน จากจังหวะที่ ชินจิ คากาวะ ได้ซัดด้วยซ้ายจากนอกกรอบเขตโทษ บอลหลุดเสาออกไป
นาที 26 เบลเยียม เกือบได้ประตูออกนำ จากจังหวะที่ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ โยนบอลยาวไปหน้าประตูให้ โรเมลู ลูกากู ตวัดเท้ายิง แต่โดนไม่เต็ม เอจิ คาวาชิมะ นายด่านญี่ปุ่นพุ่งรับไว้ได้
นาที 44 ญี่ปุ่น ได้ลุ้น เมื่อ ยูโตะ นากาโตโมะ เปิดบอลยัดเข้ากลาง บอลเลยไปถึง ยูยะ โอซาโกะ แต่เจ้าตัวจับบอลไม่อยู่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ นายด่านเบลเยียม รับบอลจังหวะแรกกระฉอก เกือบลอดหว่างขา ก่อนจะตามไปตะครุบไว้ได้ จบครึ่งแรก เบลเยียม ยังเสมอ ญี่ปุ่น 0-0
ครึ่งหลังเริ่มมาได้เพียง 3 นาที ญี่ปุ่น ออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะสกัดบอลพลาดของ แยน แฟร์ทองเก้น บอลทะลุไปถึง เกงกิ ฮารางูจิ หลุดเข้าไปยิงผ่าน กูร์กตัวส์ เข้าประตูไป
หลังเสียประตูเพียงนาที เบลยียม เกือบตีเสมอสำเร็จ แต่ลูกยิงของ เอแดน อาซาร์ พุ่งไปชนเสา
ถัดมานาที 52 ญี่ปุ่น นำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะลุยขึ้นมา และสุดท้ายเป็น ทาคาชิ อินุอิ ที่กดจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม
หลังเสีย 2 ประตู เบลเยียม แก้เกมหันมาเน้นลูกโด่ง กระทั่งนาที 69 เบลเยียม ได้เตะมุม ญี่ปุ่นเคลียร์ไม่ขาด บอลไปถึง แยน แฟร์ทองเก้น ได้โหม่ง บอลย้อยเข้าเสาไกลไปแบบเหลือเชื่อ ช่วยให้ เบลเยียม ตีตื้นขึ้นมาเป็น 1-2
นาที 74 จากลูกเตะมุมของ เบลเยียม บอลสุดท้ายเป็น อาซาร์ ที่ครอสบอลจากทางซ้ายเข้าไปในเขตโทษ และเป็น มารูยาน เฟลไลนี่ ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ลอยตัวโขกเข้าไป เบลเยียม ตีเสมอเป็น 2-2
นาที 85 เบลเยียม ได้ลุ้นติดๆกันอีก 2 จังหวะ จากการโหม่งของ นาเซอร์ ชาดลี่ ที่ไปติดเซฟ เอจิ คาวาชิมะ ก่อนที่ ชาดลี่ จะลุกขึ้นมาเปิดเข้ากลางไปให้ โรเมลู ลูกากู ได้โขก แต่ คาวาชิมะ ก็ยังปัดบอลออกไปได้อีก
เกมมาถึงช่วงทดเจ็บ นาที 93 ญี่ปุ่น ได้ลุ้น จากฟรีคิกระยะ 30 หลา เคสุเกะ ฮอนดะ ปั่นข้ามกำแพงไปแล้ว แต่ กูร์กตัวส์ ปัดออกไปได้
ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย นาที 90+4 จากลูกเตะมุมของ ญี่ปุ่น บอลมาเข้ามือ กูร์กตัวส์ เปิดบอลเร็วสวนขึ้นมา จังหวะสุดท้ายบอลมาถึง นาเซอร์ ชาดลี่ ที่แปง่ายๆกลางประตูตุงตาข่าย เบลเยียม ขึ้นนำ 3-2 ก่อนที่จะจบเกม เป็น เบลเยียม ที่พลิกนรกกลับมาชนะ ญี่ปุ่น 3-2 ทะลุเข้าไปพบกับ บราซิล ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี