การแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 21 ที่ประเทศรัสเซีย รอบ 8 ทีมสุดท้าย คู่เวลา 21.00 น.วันศุกร์ที่ 6 ก.ค.61 ที่เมืองนิซห์นี่ย์ นอฟโกร๊อด "จอมโหด" ทีมชาติอุรุกวัย พบ "ไก่ทองคำ" ทีมชาติฝรั่งเศส
สำหรับคู่นี้ถือเป็นคู่เดียวที่มีการโคจรมาเจอกันของ 2 ทีมแชมป์โลก โดย "จอมโหด" แชมป์โลก 2 สมัย เมื่อปี 1930 และ 1950 เป็นหนึ่งใน 2 ทีมที่ชนะรวดทั้ง 4 เกมที่ลงสนาม ส่วน ฝรั่งเศส เป็นแชมป์โลก ปี 1998
การพบกันของทั้งสองทีมถือว่าสูสีกันอย่างมาก อุรุกวัย เหนือกว่าด้วยการชนะ 2 ฝรั่งเศส ชนะ 1 และเสมอกันรวมทั้งหมด 4 เกม ส่วนการเจอกันในบอลโลกทั้งหมด 3 ครั้ง ปรากฏว่า อุรุกวัย ชนะ 2-1 ปี 1966 ก่อนจะเสมอกัน 0-0 ในอีกสองครั้งต่อมาในปี 2002 และ 2010 ส่วนผู้ตัดสินเกมนี้คือ เนสตอร์ พิตาน่า เปากล้ามโตจากอาร์เจนติน่า
# สำหรับ 11 ตัวจริงที่ลงสนามของทั้ง 2 ทีม มีดังนี้
+ อุรุกวัย : เฟร์นานโด มุสเลร่า - มาร์ติน คาเซเรส, โฮเซ่ คีเมเนซ, ดีเอโก้ โกดิน, ดีเอโก้ ลาซาลท์ - นาอีตาน นานเดซ, ลูคัส ตอร์เรร่า, มาตีอัส เวซิโน่, โรดริโก้ เบนตานกูร์, คริสเตียน สตูอานี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ
+ ฝรั่งเศส : อูโก้ โยริส - เบนฌาแม็ง ปาวาร์, ราฟาแอล วาราน, ซามูแอล อุมติตี้, ลูกัส แอร์กน็องเดซ - เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ปอล ป็อกบา - คีลิยัน เอ็มบัปเป้, อองตวน กรีซมันน์, โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ และ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
ครึ่งแรก เริ่มขึ้นมาเป็น ฝรั่งเศส ที่ทำเกมบุกได้ดีกว่า นาที 15 เกือบได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ เอ็มบัปเป้ ได้โขกคนเดียวในกรอบเขตโทษ แต่โดนไม่ดี บอลไม่มีน้ำหนัก
หลังจากนั้น เกมสู้กันสนุก กระทั่งนาที 40 ฝรั่งเศส ออกนำ 1-0 จากจังหวะฟรีคิก อองตวน กรีซมันน์ เปิดเข้ามาหน้าประตู และเป็น ราฟาเอล วาราน ขึ้นโขกเฉือนๆ บอลเปลี่ยนทางเสียบตาข่าย
ท้ายครึ่งแรก อุรุกวัย เกือบตีเสมอสำเร็จ จากจังหวะที่ มาร์ติน คาเซเรส ได้โหม่งบอลจะเข้าอยู่แล้ว แต่ อูโก้ โยริส พุ่งปัดเอาไว้ได้ บอลไม่พ้นอันตราย ดีเอโก้ โกดิน เข้ามาซ้ำจ่อๆ แต่ โยริส ยังลุกขึ้นมาไปปิดทาง ทำให้ โกดิน ยิงไม่ถนัด บอลลอยโด่งออกไป จบครึ่งแรกเป็น ฝรั่งเศส ออกนำ อุรุกวัย อยู่ 1-0
ครึ่งหลัง เริ่มเกมขึ้นมายังเป็น ฝรั่งเศส ครองบอลได้ดีกว่า แต่ยังไม่มีจังหวะจบสกอร์แบบถนัดๆ ขณะที่ อุรุกวัย พยายามตั้งเกมรุกขึ้นมา นาที 55 จากจังหวะบอลไม่มีอะไร แต่ ซามูแอล อุมติตี้ ดันไปล็อคในเขตโทษ ก่อนโดนเบียดล้มลง แล้วสกัดไม่พ้นอันตราย บอลไปเข้าทาง โรดริโก้ เบนตานกูร์ ได้ยิงนอกกรอบ แต่โดนไม่ดี บอลปลิ้นออกหลังไปเยอะ
นาที 60 อุรุกวัย แก้เกม ส่ง มักซิมิเลียโน่ โกเมซ ลงมาแทน คริสเตียน สตูอานี่ และ คริสเตียน โรดริเกซ แทน โรดริโก้ เบนตานกูร์
แต่กลายเป็น ฝรั่งเศส ที่ออกนำ 2-0 ในนาที 62 จากจังหวะที่ ฝรั่งเศส ลุยขึ้นมา จังหวะสุดท้ายเป็น อองตวน กรีซมันน์ ได้ยิงด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษ บอลส่ายนิดๆ แต่ไม่ห่างตัว เฟร์นานโด มุสเลร่า มากนัก แต่เจ้าตัวตัดสินใจพลาด รับไม่อยู่ บอลทะลักเข้าประตูไปเฉย
นาที 64 อุรุกวัย ลุยขึ้นมา และมาได้ลุ้นจากการยิงนอกกรอบของ คริสเตียน โรดริเกซ บอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว
นาที 72 ฝรั่งเศส ได้ลุ้นอีก จากจังหวะเปิดเกมรุกขึ้นมา จังหวะสุดท้ายเป็น โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ ได้กดนอกเขตโทษ บอลข้ามคานออกไปนิดเดียว
จากนั้นนาที 73 อุรุกวัย เติมเกมรุกอีก ส่ง โจนาธาน อูร์เรตาวิสคาย่า ลงมาแทน นาอีตาน นานเดซ หวังทวงประตูคืนให้ได้ ขณะที่ ฝรั่งเศส เปลี่ยนตัวส่ง สตีเฟ่น เอ็นซองซี่ ลงมาแทน โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ ในนาที 80
ช่วงเวลาที่เหลือ ผู้เล่นบางคนของ อุรุกวัย เหมือนรู้ชะตากรรม ร้องไห้ออกมาทั้งๆที่เกมยังไม่จบ จากนั้น ฝรั่งเศส ทยอยเปลี่ยนตัวสำรองฆ่าเวลา
หลังจากนั้น ทั้ง 2 ทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม "ไก่ทองคำ" ทีมชาติฝรั่งเศส เอาชนะ "จอมโหด" อุรุกวัย 2-0 ลิ่วตัดเชือก ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ไปรอพบผู้ชนะระหว่าง บราซิล กับ เบลเยียม ที่จะเตะในคืนนี้เวลา 01.00 น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี