■ ต่อจากหน้า 1
นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก ครั้งที่ 21 ถือเป็นการโคจรมาเจอกันของสองชาติที่ต่างกันสุดขั้ว
ชาติที่ไล่ล่าอาณานิคม ที่มาและเชื้อชาติที่แตกต่างกันสุดขั้วในประเทศเดียวกันอย่าง ฝรั่งเศส
กับชาติที่ต้องต่อสู้เลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งเอกราชของตัวเองอย่าง โครเอเชีย
แปลไทยเป็นไทยคือ ฝ่ายหนึ่งต่อสู้เพื่อให้ได้มาครอบครอง อีกฝ่ายหนึ่งต่อสู้เพื่อเอกราชของตัวเอง
ความคลาสสิกทั้งหมดนี้เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น ยังมีอะไรที่น่าศึกษาอีกเยอะ หากชำแหละกันให้ลึกเข้าไปให้ถึงเนื้อแท้สำหรับสองทีมนี้
● ‘ฝรั่งเศส’ ไม่เต็มร้อย-แต่ร้อยเปอร์เซ็นต์
ฝรั่งเศส ถูกตั้งคำถามถึงชาติพันธุ์ของนักเตะทุกยุคทุกสมัย เมื่อเป็นทีมที่ขึ้น-ลงได้อย่างรวดเร็ว
เพราะในทีมที่ไม่ใช่ชาวฝรั่งเศส แบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ มาโดยตลอด แต่ฟอร์มการเล่นและสปิริตของทีมนี้ถือว่า เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์มากๆ ละม้ายกับทีมเมื่อปี 1998 ที่ครองแชมป์โลก
ชาติอาณานิคมของฝรั่งเศส ถือว่ามาเบ่งบานในเรื่องของฟุตบอล เป็นการรวมตัวกันที่หลายคนมองว่า “ยุคทอง”ของบอลแดนน้ำหอมได้กลับมาอีกครั้ง
จากการแลกด้วยเลือดเนื้อเชื้อไขในอดีต ที่ลงท้ายหลอมมาเป็นหนึ่งเดียว ด้วยเบ้าของ “ฟุตบอล”
ทีมชาติฝรั่งเศส จะดวลกับ ทีมชาติโครเอเชีย เพื่อล่าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ในวันอาทิตย์นี้ เวลา 22.00 น.
ไล่เลียงกันกับเรื่องของ “เชื้อชาติ”ของทีมนี้ มาจากพื้นเพที่ต่างกัน แต่จากเหตุผลที่ตรงกันหลายต่อหลายคน แอฟริกา, แคริบเบียน รวมไปถึงการอพยพ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า
อูโก้ ญอริส เป็นสเปน, สตีฟ ม็องด็องด้า เป็น ซาอีร์, อัลฟองเซ่ อเรโอล่า เป็นฟิลิปปินส์, เพรสเนล คิมเพมเบ้ เป็น คองโก-เฮติ, ราฟาเอล วาราน เป็น มาร์ตินิค, ซามูแอล อุมตีตี้ เป็น แคเมอรูน, อดิล เรมี่ เป็น โมร็อคโก, ฌิบริล ซิดิเบ้ เป็น มาลี, ลูกัส แอร์กน็องเดซ เป็น สเปน, เบนฌาแม็ง เมนดี้ เป็น เซเนกัล, ปอล ป๊อกบา เป็น กีนี, โตมาส์ เลอมาร์ เป็น กวาเดลูป, โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ เป็น โตโก
เรื่อยมาจนถึง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เป็น มาลี, แบลส มาตุยดี้ เป็น แองโกล่า-ดีอาร์ คองโก, สตีเว่น เอ็นซองซี่ เป็น คองโก, นาบิล เฟคีร์ เป็น แอลจีเรีย, อองตวน กรีซมันน์ เป็น ฝรั่งเศส-โปรตุเกส แต่พื้นเป็นชาวเยอรมัน, โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ย่าเป็นชาวอิตาลี, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ เป็นแคเมอรูน และอุสมาน เดมเบเล่ เป็นมาลี-เซเนกัล
เท่ากับ ฟลอริยอง โตแว็ง กับ เบนฌาแม็ง ปาวาร์ เท่านั้นที่เป็นฝรั่งเศส แท้ๆ !!!
ประเด็นคือ ดีดิเยร์ เดส์ชองป์ เซเล็คซินยอนเนอร์ของทัพเลส เบลอส์ ที่เป็นศูนย์กลางของทีมชุดนี้ได้อย่างลงตัวเหลือเชื่อ เขาคือกัปตันทีมชุดแชมป์โลกประวัติศาสตร์เมื่อ 20 ปีที่แล้ว และกำลังลุ้นเป็นคนที่ 3 ที่ได้แชมป์ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช
พร้อมกับเป็นคนที่ 2 ที่เป็นทั้งกัปตัน-โค้ช ที่ได้เป็นแชมป์โลกต่อจาก ฟรานซ์ เบ๊คเค่นบาวเออร์
● ‘โครแอต’ยอดแข้งจากแดนสงคราม
“Small country, big dreams”….ชัดเจนในตัวของมันเอง
เงื่อนไขของสิ่งรอบข้าง ทำลายและทำร้ายจิตวิญญาณของมนุษย์ไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องจิตใจอันกร้าวแกร่ง ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อันนี้ โครเอเชีย น่ากลัวมากๆ
นักบอลชุดนี้หลายคนเกิดและเติบโตด้วยไฟสงครามที่มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อนมากๆ เพราะเป็นการปะทะกันระหว่าง เซิร์บ กับฝ่ายหนึ่งของโครแอต และฝ่ายหนึ่งของบอสเนีย อีกทางหนึ่งก็เป็นการสู้กันของพวกบอสนิก กับ โครแอต ในบอสเนีย แถมกลุ่มบอสนิกก็ทะเลาะกันเองในบอสเนีย เป็นสงครามร่วมเผ่าพันธุ์ เป็นสงครามของพี่น้อง และเป็นสงครามศาสนา
ลงท้าย 6 สาธารณรัฐของยูโกสลาเวีย ประกอบด้วย บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา, สโลวีเนีย, โครเอเชีย, เซอร์เบีย, มอนเตเนโกร และมาซิโดเนีย แยกตัวออกมา รวมไปถึงมณฑลอิสระอย่าง โคโซโว และวอยโวดีนา ซึ่งเป็นมณฑลปกครองตนเอง
การพบกันครั้งเดียวในฟุตบอลโลกของคู่นี้คือ รอบรองชนะเลิศ ปี 1998 ฝรั่งเศส ชนะ โครเอเชีย 2-1
นั่นหมายว่า โครเอเชีย คือทีมที่ “ฟ้าประทาน” เรื่องของ “ความสามารถในเชิงฟุตบอล” สืบชาติพันธุ์จาก ยูโกสลาเวีย
ลูก้า โมดริช จอมทัพของทีม กลายเป็นคนไร้บ้านเพราะสงคราม กลายเป็นคนที่สูญเสียคนที่รักจากสงคราม กลายเป็นผู้อพยพได้ยินเสียงระเบิดเสียงปืนมากกว่าเสียงเพลง
“ฟุตบอลคือสิ่งเดียวที่ทำให้เด็กๆได้หนีพ้นจากความจริงอันเจ็บปวดได้” โทมิสลาฟ เบซิช โค้ชคนแรกของ โมดริช กล่าวเอาไว้
ไฟสงครามไม่ได้เผา โมดริช เพียงคนเดียวเท่านั้น บรรดานักเตะในทีมชุดนี้โดนพิษของมันเล่นงานกันหลายต่อหลายคน
ครอบครัวของ เดยัน ลอฟเรน ต้องหนีจากสงครามจาก เซนิก้า ที่อยู่ในยูโกสลาเวีย ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่ของ บอสเนีย เฮอร์เซโกวีน่า ไปอยู่ที่มิวนิค ในเยอรมนี
ตอนนั้น ลอฟเรน อายุแค่ 3 ขวบ ทำให้เขาเรียนรู้ภาษาเยอรมัน ก่อนจะกลับมาตั้งรกรากอีกทีที่ คาร์โลวัช ในโครเอเชีย ที่ห่างจากซาเกร็บไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 50 กิโลเมตร
อีวาน ราคิติช เกิดที่ไรน์เฟลเด้น เป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่ในรัฐทางตอนเหนือของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำอาเร ซึ่งครอบครัวของเขา ย้ายจาก โซคชี่ เพื่อหนีสงคราม ทำให้เขาเริ่มเล่นบอลกับ บาเซิ่ล
ไม่แปลกที่เขาจะติดทีมชาติสวิส ทั้งรุ่น 17, 19 และ 21 กระทั่ง สลาเวน บีลิช อดีตกุนซือโครแอต ไปโน้มน้าวจิตใจให้มาเล่นกับ โครแอต ในปี 2007
มาริโอ มานด์ซูคิช เกิดที่ สโลวอนสกี้ โบรด์ ครอบครัวย้ายหนีสงครามไปอยู่ในเยอรมนี ใกล้ๆ กับ สตุ๊ตการ์ท ทำให้เขาเริ่มเล่นบอลกับ ทีเอสเอฟ ดิตซินเก้น ก่อนจะกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดในโครเอเชีย อีกครั้ง หลังจากสงครามเบาบางลง
มาเตโอ โควาซิช เกิดในเมืองลินช์ ประเทศออสเตรีย เขาเป็นคน บอสเนียน โครต์ แต่ครอบต้องย้ายหนีจาก คอตอร์ วารอส ในบอสเนีย เพราะสงครามตั้งแต่เขายังไม่เกิด ก่อนที่จะกลับไปอยู่ที่ซาเกร็บ เมื่อตอนอายุ 13 ปี
ติน เจดวาจ์ พ่อของเขา ซเดนโก้ เป็นนักฟุตบอล แต่ต้องลี้ภัยสงครามบอสเนีย ย้ายจากมอสต้า ไปอยู่ที่ซาเกร็บ
สำคัญก็คือ สงครามไม่ได้ทำร้ายพื้นฐานการเล่นฟุตบอลของพวกเขาเลย โดยเฉพาะ ดินาโม ซาเกร็บ นาทีนี้มีนักเตะของพวกเขาอยู่ในนัดชิงบอลโลกครั้งนี้ถึง 12 คน
ลูก้า โมดริช, ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้, เวดราน ชอว์ลูก้า, เดยัน ลอฟเรน, ติน เจดวาจ์, โจซิป พิวาริช, มาเตโอ โควาซิช, มิลาน บาเดลจ์, มาร์เซโล โบรโซวิช, อันเดรจ์ คามาริช, มาริโอ มานด์ซูคิช และมาร์โก้ พาก้า
● ‘ทฤษฎีบอลโลก’ กับ ‘ตำราที่ถูกเผา’
หลากหลายทฤษฎีในฟุตบอลโลกยังคงใช้ได้ต่อไปเรื่อยๆ หรือไม่อย่างไร แต่หลากหลายตำราถูกเผาทิ้งไปหมดสิ้นแล้ว
ขอยกตัวอย่างก็คือ เมื่อไหร่ที่ เยอรมนี ได้แชมป์โลก การแข่งขันครั้งต่อมาทีมจากอเมริกาใต้จะได้แชมป์ก็จบไปเป็นที่เรียบร้อย
ทฤษฎีสมคบคิดของ อังกฤษ ก็หงายเหงือกไปเหมือนกันกับความเหมือนหลายๆ อย่าง ลงท้ายก็ได้ไปชิงที่ 3
มีทฤษฎีก็คือ จะมีแชมป์ใหม่ เมื่อการลงท้ายด้วยเลข 8 นั่นคือ บราซิล ปี 1958, อาร์เจนตินา ปี 1978 และฝรั่งเศส 1998 ทุกครั้งจะห่างกัน 20 ปี แต่ก็อย่าลืมสิว่า ปี 1938 อิตาลี เป็นแชมป์ก็ไม่ใช่แชมป์ แถมปี’34 ถึงปี’58 ก็ 20 ปี พอดีเหมือนกัน
จะเหลือก็แต่เพียงทีมที่ใส่เสื้อสีโทนน้ำเงิน-ฟ้า จะได้แชมป์เมื่อลงท้ายปีด้วยเลข 8 อันนี้ได้อยู่ เพราะมองจากบรรทัดบนใช่ทั้งหมด เพราะบราซิล ปี’58 ใส่สีน้ำเงินลงสนาม
ที่สำคัญทีมที่ใส่สีโทนแดง หรือแนวเผ็ดร้อนลงเล่นนัดชิงก็ชนะได้แค่หนเดียว นั่นคือ อังกฤษ ปี 1966 ที่้เหลือพ่ายเรียบวุธ
● ค่าตัว-ความเก๋า-ความสด
จากการคาดหมาย 11 ผู้เล่นตัวจริงที่จะลงสนาม ปรากฏว่า ค่าตัวของฝรั่งเศส มีมูลค่าถึง 638 ล้านยูโร แต่ในทางกลับ โครเอเชีย มีมูลค่าอยู่ที่ 230 ล้านยูโร ต่างกันเกือบสองเท่า
ในเรื่องของสภาพร่างกาย แน่นอนว่า ฝรั่งเศส ที่ไม่ต้องออกแรงอย่างสาหัสเท่าไหร่นัก ก็ดูสดกว่า โครเอเชีย ที่บดหนักๆ มาทุกเกม โดยเฉพาะเมื่อเข้ามาถึงรอบน็อกเอาท์ ต้องเล่นช่วงต่อเวลาทั้ง 3 เกม
เงื่อนไขของวัย ก็หยิบยกมาพูดกันได้เช่นกัน โครเอเชียเป็นหนึ่งในทีมที่มีค่าเฉลี่ยอายุสูงพอสมควร โดยเฉพาะหัวใจของทีมอย่าง ลูก้า โมดริช อายุ 32 และ อีวาน ราคิติช อายุ 30 เช่นกันกับตัวสำคัญตามตำแหน่งต่างๆ ก็อายุไม่น้อยแล้วดานิเยล ซูบาซิช นายประตูอายุมากที่สุดคือ 33 ปี, สองเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ เดยัน ลอฟเรน กับ โดมากอย วีด้า อายุ 29 ปี เท่ากัน และมาริโอ มานด์ซูคิช หอกตัวเอ้ก็ 32 ปี
ผิดกับ ฝรั่งเศส มีนักบอลที่เดินหน้าถล่มทุกสถิติของวัยทีนเอจอย่าง “ไอ้กระยางไฟ” คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ที่อายุเพียง 19 ปี แถม 11 ตัวจริงมีคนอายุเกิน 30 แค่ 3 รายคือ นายประตู อูโก้ ญอริส,
กองกลางจอมขยัน แบลส มาตุยดี้ และกองหน้า โอลิวิเยร์ ชิรูด์
ยิ่งไปกว่านั้นแผงหลังแบ๊กโฟร์ทั้ง 4 คน ถือว่าน่าสนใจมากๆ ราฟาเอล วาราน อายุมากสุดก็แค่ 25 ปี ซามูแอล อุมตีตี้ 24 ปี ขณะที่แบ๊กสองข้างที่จะมาเล่นในฐานะ “ตัวสำรอง” แต่ก็ครอง “ตัวจริง” ตั้งแต่เกมแรก เบนฌาแม็ง ปาวาร์ กับ ลูกัส แอร์กน็องเดซ อายุแค่ 22 เท่านั้น!!!
● ‘วาสนา-ฝีเท้า’ ใครจะครองแชมป์
การต่อกรถึงวันสุดท้าย ฝรั่งเศส มาในฐานะ 1 ใน 5 ทีมเต็ง ขณะที่ โครเอเชีย นี่คือม้ามืดตัวจริงเสียงจริงของฟุตบอลโลกหนนี้ ที่ไม่อยู่ใน 2 กลุ่มแรก คือ “เต็งแชมป์” กับ “ลุ้นแชมป์”
ด้วยเหตุผลมากมายหากเรานับเรื่องของฟุตบอล ฝรั่งเศส ครบเครื่องกว่า มีความจัดจ้านในแผงรุกที่มีออปชั่นมากมาย และมีคุณภาพเชิงลึกของตัวผู้เล่นที่เด่นชัด
แต่ในเรื่องของหัวใจ ความกร้าวแกร่ง และความเป็นเลือดนักสู้ โครเอเชีย แสดงให้เห็นมาโดยตลอดว่า พวกเขาสมบูรณ์แบบและพร้อมจะทำให้โลกรู้ว่า ทีมจากยุโรปตะวันออกเดิม ที่ปัจจุบันแผนที่พาดฝั่งมาทางเฉียงใต้ และค่อนไปตรงกลาง ก็พร้อมจะเป็น “แชมป์โลก”
“My head says France but my heart says Croatia” .....ใครแชมป์ก็ได้ทั้ง ฝรั่งเศส หรือ โครเอเชีย
เหตุผลของหัวใจคือ โครแอต แต่ถ้าเหตุผลทางฟุตบอลต้อง ฝรั่งเศส ครับ!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี