กระแสการจ้าง คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะใจแตก วัย 37 ปีมาช่วยให้ ซาอุดีอาระเบีย ดึงกระแสเพื่อเป็นเจ้าภาพบอลโลก 2030 โด่งดังไปทั่วปฐพี
โด้ช่วงนี้ หน้าตาอาจไม่หมองคล้ำ แต่พระศุกร์เข้าพระเสากระแทก จากการที่ตัวเขาทะเลาะกับต้นสังกัด หรืออาจจะเรียกว่าทุบหม้อข้าวตัวเอง จากนั้นก็ประกาศอำลาทีมแมนฯยูไนเต็ด แล้วก็ยุติความหวังในฟุตบอลโลกเอาไว้ที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย
ก่อนจะแทบสำรอกออมาเป็นลิ่ม เมื่อเห็น ลีโอเนล เมสซี่คู่ปรับทุกๆ ค.ศ. ครองแชมป์โลก
ประเด็นของพี่โด้ ถูกจับหยิบมาเล่นกันอย่างน่าสนใจ กับ “เส้นทางใหม่” ที่ต้องเดินทาง เพราะเขายืนยันแล้วว่า การเดินทางครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะกับทีมชาติโปรตุเกส ที่ยังไงก็จะเล่นต่อ
ตีตั๋วมาเที่ยวเดียว และน่าสนใจว่า การเดินทางด้วย“รถด่วนขบวนสุดท้าย” จะไปไหนกันแน่ เพราะเจ้าตัวบอกว่า อยากเล่นเฉพาะแชมเปี้ยนส์ลีก แต่ ยูโรป้า ลีก ก็ลงมาแล้ว
เสียงกระจอกข่าวดังกว่าใครคงไม่พ้นการเดินทางไปเล่นที่ ซาอุดีอาระเบีย พร้อมออปชั่นต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเป็นสิ่งที่นักบอลหลายคน “เคยทำ”
นั่นคือเป็นกระบอกเสียงในการร่วมสร้างชื่อให้ประเทศนั้นๆ โด่งดัง และเป็นหน้าเป็นตา
ถ้า โรนัลโด้ เลือกไปที่ซาอุฯ จริงๆ เขาจะได้รับเงินถึง 170 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 7,500 ล้านบาทต่อปี!!!!
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระแสข่าวจะออกมาแบบนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ซาอุดีอาระเบีย ยังไม่การยืนยันอย่างเป็นทางการ หรือยื่นข้อเสนอให้กับ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า อย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
ขณะนี้มีเพียง 3 แห่งเท่านั้นที่จะยื่นข้อเสนอในการจัดการแข่งขัน
1.ชาติจากทวีปอเมริกาใต้ ทั้งหมด 4 ชาติ ประกอบด้วยอุรุกวัย, อาร์เจนตินา, ปารากวัย และชิลี โดยให้เหตุผลว่าอุรุกวัย เป็นชาติแรกที่จัดบอลโลก 1930 ดังนั้นจึงควรได้จัดงานครบรอบ 100 ปี โดย อุรุกวัย ได้จับมือ อาร์เจนตินา ยืนยันความพร้อมมาตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2017 จากนั้น ปารากวัย ได้เข้าร่วมด้วยเมื่อ 4 ตุลาคม 2017 และชิลี ขอเข้าร่วมอีกชาติ เมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2019
2.ชาติจากแอฟริกา นั่นคือ ประเทศโมร็อกโก ที่เพิ่งระเบิดฟอร์มสุดยอดคว้าอันดับ 4 ในบอลโลกครั้งล่าสุด ได้ยืนยันความต้องการบิดเจ้าภาพจาก สหพันธ์ฟุตบอลแห่งชาติ (Royal Moroccan Football Federation) เมื่อ 25 กรกฎาคม 2018 นับเป็นครั้งที่ 6 ที่ร่วมลุ้นเป็นเจ้าภาพ โดยก่อนหน้านี้ในปี 1994, 1998, 2006, 2010 และ 2026 พวกเขาพลาดทั้งหมด พร้อมกับมีความเป็นไปได้ที่จะมี แอลจีเรีย กับ ตูนิเซีย รวมถึง อียิปต์ มาเป็นเจ้าภาพร่วมด้วย
3.ชาติจากยุโรป นั่นคือ สเปน, โปรตุเกส และยูเครน โดยในตอนแรกนั้น 2 ชาติจากยุโรปใต้ ทั้ง สเปน และโปรตุเกส จับมือกันเสนอชื่อในนามของ “ไอบีเรียน บิด” เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2020 จากนั้น ยูเครน ได้ขอเข้าร่วมในการเป็นเจ้าภาพด้วย เมื่อ 5 ตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา โดยจะเน้นย้ำความเป็นน้ำหนึ่งในใจเดียวกันของชาติยุโรป ในสโลแกน ว่า “ยูโรเปี้ยน บิด”
ขณะเดียวกัน ซาอุดีอาระเบีย มีข่าวว่า กำลังเจรจาที่จะเข้าร่วมเสนอชื่อเป็นเจ้าภาพ ร่วมกับ อียิปต์ และกรีซ ในชื่อของ Inter-confederation Bid ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่จะมีเจ้าภาพร่วมกันแบบ 3 ทวีป นั่นคือ เอเชีย, แอฟริกา และยุโรป โดยคู่แข่งในลักษณะเดียวกันแบบ 3 ชาติ นั่นคือ อิสราเอล ที่จะเป็นเจ้าภาพร่วมกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน
สำหรับชาติอื่นๆ ที่ให้ความสนใจมีดังนี้ เจ้าภาพเดี่ยว/แคเมอรูน(แอฟริกา), คาซัคสถาน(ยุโรป), จีน(เอเชีย), เกาหลีใต้(เอเชีย), เจ้าภาพร่วม/ออสเตรเลีย กับ นิวซีแลนด์, เจ้าภาพ 3 ชาติ/โคลอมเบีย, เอกวาดอร์ และเปรู(อเมริกาใต้)
นอกจากนี้ เกาหลีใต้ เคยมีความคิดจะจัดร่วมกับ เกาหลีเหนือ ก่อนจะล้มเลิกไป และไปเจรจากับ ญี่ปุ่น กับ จีน ให้มาเป็นเจ้าภาพร่วมกัน 3 ประเทศแต่ไม่มีกรณีความคืบหน้าแต่อย่างใด
ว่ากันตามเชิง เพราะงานนี้มันคือ “งานใหญ่” ไม่ต่างไปจาก งานบวชลูกกำนัน ประชันกับงานแต่งลูกผู้ใหญ่ เพราะจะมีคำว่า “100 ปีฟุตบอลโลก” ค้ำยันเอาไว้ให้ท้าทาย
ส่วน ซาอุฯ ใช้จ่ายให้ โรนัลโด้ หรือไม่นั้น ผมคิดว่า “เงิน” ไม่ใช่ตัวปัญหา
ปัญหาน่าจะอยู่ที่ว่า “พี่โด้” แกจะทำตามสัญญา และขอเวลาอีกไม่นาน ได้หรือไม่!?!?!
บี แหลมสิงห์