นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทได้เปิดบริการบริการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศให้แก่นักลงทุนบุคคลทั่วไป ในชื่อ “TISCO Global Trade” (ทิสโก้ โกลบอล เทรด) เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของทิสโก้ในการเป็นผู้นำการลงทุนต่างประเทศที่ครอบคลุมทั่วโลก (Global Wealth Advisory)

นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บล. ทิสโก้ กล่าวถึงรายละเอียดของ “TISCO Global Trade” บริการซื้อขายหลักทรัพย์และหน่วยลงทุน ETF ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยลูกค้าสามารถซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของโลก 7 แห่ง ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) รวมกันกว่า 30 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ, NYSE และ AMEX ในสหรัฐอเมริกา, ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (LSE) ในอังกฤษ, ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (TSE) ในญี่ปุ่น, ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) และตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKSE) ซึ่งมีบริษัทจดทะเบียนชั้นนำของโลกจำนวนมาก อาทิ Apple, Google, Microsoft, Coca-Cola, Facebook, Unilever, Shell, Microsoft, Prada, Burberry, Ralph Lauren, McDonald’s รวมถึงบริษัทชั้นนำระดับโลกในเอเชีย อาทิ Toyota, Honda, Canon, AIA, HSBC เป็นต้น

นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ETF (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำดังกล่าว ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลกให้เลือก อาทิ กอง ETF อิงดัชนี S&P 500 และดัชนี EURO STOXX50 รวมถึงกอง ETF ที่มีนโยบายลงทุนในแต่ละประเทศ เช่น อังกฤษ เยอรมนี รวมถึงภูมิภาคเอเชีย อย่างฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เป็นต้น ผ่านบริการ TISCO Global Trade

“TISCO Global Trade จะย่อโลกการลงทุนทั่วโลกมาให้แก่นักลงทุนไทย ทำให้ไม่ต้องจำกัดการลงทุนเพียงแค่ในประเทศอีกต่อไป และในอนาคตหากลูกค้ามีความต้องการลงทุนในหลักทรัพย์และ ETF ในตลาดต่างประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม เราก็พร้อมจะหามาบริการลูกค้า เพื่อเป็น one-stop สำหรับการลงทุนต่างประเทศอย่างครบวงจร โดยเราตั้งเป้าสร้างฐานลูกค้าหุ้นต่างประเทศไว้ที่ 500 รายภายในสิ้นปีนี้” นายธรัฐพรกล่าว