2 ต.ค.57 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลัง Mr. Minoru Kiuchi, State Minister for Foreign Affairs, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นเดินทางเข้าพบเพื่อแสดงความเคารพและแสดงความยินดีในโอกาสที่ได้เข้ารับตำแหน่งว่า ได้มีการพูดคุยหารือกันในหลายเรื่อง และทางประเทศญี่ปุ่นต้องการที่จะสานต่อความร่วมมือกับประเทศในทุกๆด้าน เช่น ทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งญี่ปุ่นมีความสนใจในการลงทุนเกี่ยวกับด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง เช่น การลงทุนการก่อสร้างทางรถไฟ การเดินรถไฟ รวมถึงการปรับปรุงก่อสร้างท่าเรือชายฝั่ง รวมถึงด้านการผลิตอุตสาหกรรมในประเทศ

โดยทางรัฐบาลก็ได้ยืนยันว่าจะมีการเดินหน้าในเรื่องของโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะด้านการขนส่งให้เป็นไปตามนโยบายที่ได้วางไว้ รวมถึงการสร้างโครงข่ายเชื่อมโยงในประเทศ การเชื่อมโยงกับชายแดนและเชื่อมต่อไปยังประเทศอาเซียนที่มีพรมแดนติดกันโดยเฉพาะทางบก ซึ่งสำหรับในส่วนของทางทะเลนั้นญี่ปุ่นและไทยมีความเป็นไปได้ที่จะร่วมกันพัฒนาท่าเรือชายฝั่ง

ซึ่งด้านความร่วมมือทางด้านทะเลมีความเป็นไปได้ในการพัฒนาในส่วนของท่าเรือชายฝั่งทะเลอันดามัน โดยเฉพาะโครงการท่าเรือทวาย ทั้งกับประเทศไทยและเมียนมาร์

อย่างไรก็ตาม ทางประเทศญี่ปุ่นก็มีความปรารถนาตั้งใจที่จะเชิญนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปเยือนญี่ปุ่นและเจรจาเพื่อนำไปสู่ความร่วมมือในอนาคต ทั้งนี้ ญี่ปุ่นพร้อมที่จะให้การสนับสนุนช่วยเหลือด้านการเงิน และเทคโนโลยี รวมถึงจะมีสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยมากขึ้นโดยทางญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นได้เข้ามาลงทุนในไทยค่อนข้างมากและมีกำไรมาก จึงตั้งเป้าที่จะนำกำไรที่ได้มาลงทุนในไทยต่อไปอีก และในส่วนของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางญี่ปุ่นได้มีการนำเสนอเทคโนโลยีด้านรถไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงให้กับประเทศไทย  ซึ่งทางรัฐบาลยืนยันว่าจะมีการเปิดการรับข้อเสนอจากทุกประเทศเข้ามาเสนอด้านระบบรถไฟฟ้าไม่มีการปิดกั้น

สำหรับโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมท่าเรือน้ำลึกทวายและถนนเชื่อมต่อ ขณะนี้กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดต่างๆของโครงการ โดยเบื้องต้นหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คสช. จะเป็นประธานในการนำเสนอรายละเอียดและนำเสนอข้อมูลของโครงการให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบ

นอกจากนี้ในการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งทางบกทั้งระบบในวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา จะเร่งดำเนินการสรุปข้อมูลและจัดทำแผนงานให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันเพื่อเสนอต่อรองนายกรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี