RC Cola บุกตลาดน้ำดำครั้งใหญ่

l รุกขยายช่องทางการจำหน่าย

l หวังเบียดบิ๊กโคล่าขึ้นเบอร์4

นายชาคริต อัศววศิน ที่ปรึกษาการตลาดอาวุโส บริษัท สากล เบเวอเร็ดจ์ จํากัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม “RC Cola” น้ำอัดลมโคล่าจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2558 บริษัทมีแผนที่จะทำตลาดน้ำอัดลม แบรนด์ “RC Cola” อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยคอนเซ็ปต์ “Good Old Day” หรือ “ความรู้สึกดีๆ...ไม่เคยเปลี่ยน” เป็นการพลิกวงการเครื่องดื่ม RC Cola ครั้งประวัติศาสตร์ หลังจากที่บริษัทได้รับลิขสิทธิ์การผลิตและจัดจำหน่าย RC Cola แต่เพียงผู้เดียวในไทยมาเป็นเวลากว่า 48 ปี

ทั้งนี้ เบื้องต้นจะเน้นการขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่อยู่ในช่วงอายุ 25-35 ปี ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มดังกล่าวจะใช้บริการร้านสะดวกซื้อเป็นหลัก บริษัทจึงเพิ่มจุดจำหน่ายสินค้าจากเดิมที่วางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปหรือตามร้านโชห่วยในภาคกลางมากกว่า 50,000 ร้านค้าเป็นการเข้าไปวางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ ได้แก่ เซเว่น อีเลฟเว่น, ลอว์สัน และ 108 Shop

ส่วนซูเปอร์มาร์เก็ต ได้แก่ วิลล่า, ฟู้ดแลนด์และโฮมเฟรชมาร์ท ขณะที่ขายส่ง คือ แม็คโคร นอกจากนี้ยังมีร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน คือ จิฟฟี่,ไทเกอร์มาร์ท และ PT รวมถึงตู้กดน้ำ โดยใช้กลุ่มน้ำดื่ม RC Cola เป็นตัวหลักในการทำตลาด แบบขวดมีทั้งหมด 3 ขนาด คือ ขนาด 227 มล. ราคา 6 บาท, 400 มล. ราคา 10 บาท, 450 มล. ราคา 14 บาท และแบบกระป๋อง ราคา 13 บาท

ในขณะเดียวกันบริษัทได้ใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท สำหรับการสื่อสารการตลาดเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของ RC Cola ให้กลุ่มลูกค้าได้รู้จักในวงกว้าง ซึ่งช่วงที่ผ่านมา คือเมื่อวันที่ 25สิงหาคม 2558 บริษัทได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาครั้งแรกในรอบ 48 ปี ของ RC Cola

“ด้วยงบประมาณในการทำตลาดหรือบุกตลาด ต้องบอกเลยว่าเราไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ ไม่มีงบลงทุนมากเท่ากับคู่แข่ง แต่เราเชื่อมั่นว่า RC Cola เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติดี มีจุดยืนที่ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คนจะจำเราได้ ดังนั้น การจัดงบลงทุนครั้งนี้เลยไม่มากมายนัก จะอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาทหลังจากนี้เราคงต้องรอดูผลตอบรับของสินค้าว่ามีการตอบรับที่ดีและเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน เมื่อเราเริ่มลงสู่ตลาดน้ำอัดลมอย่างจริงจังอีกครั้ง” นายชาคริตกล่าว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดน้ำอัดลมถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก รองจากตลาดนม ในกลุ่มของเครื่องดื่ม ซึ่งมูลค่าตลาดน้ำอัดลมอยู่ที่ประมาณ44,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7-9% โดยในกลุ่มน้ำดำ มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 70% ของตลาดน้ำอัดลมโดยรวม ซึ่งมีแบรนด์ “โค้ก” เป็นผู้นำตลาด ตามมาด้วย “เป๊ปซี่”,“เอส” และ “บิ๊กโคล่า” บริษัทจึงมองว่าการแข่งขันในตลาดนี้ที่จริงแล้วไม่ดุเดือดเท่ากับตลาดชาพร้อมดื่ม เพราะคู่แข่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทข้ามชาติ และการสร้างแบรนด์ระยะยาวจึงเป็นสิ่งที่คู่แข่งมักให้ความสำคัญกว่าโปรโมชั่นระยะสั้น

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายว่าหลังจากที่มีการปรับภาพลักษณ์และการขยายช่องทางจำหน่ายเครื่องดื่ม RC Cola แล้ว จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทจาก 7-9% ในช่วงที่ผ่านมา เพิ่มเป็นประมาณ 20% ต่อปี และมุ่งหวังจะมีส่วนแบ่งตลาดโดยรวมอยู่ในอันดับที่ 4 รองจาก โค้ก, เป๊ปซี่
และ เอส