บอร์ด PPP ไฟเขียวแผนลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 1.1 แสนล้านบาท ดึงเอกชนลงทุนร่วม 30 ปีเตรียมชงเรื่องเข้าครม. มีนาคมนี้ พร้อมเปิดประมูลมิถุนายนนี้
คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) ในการประชุมครั้งที่ 2/2559 เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้เห็นชอบในหลักการให้การรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (ช่วงแคราย-มีนบุรี) และสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-สำโรง) โดยมีวงเงินลงทุน 56,691 ล้านบาท และ54,644 ล้านบาท ตามลำดับ รวมเป็นวงเงินลงทุนทั้งสิ้น 111,335 ล้านบาท
โดยรถไฟฟ้า 2 สายนี้จะเป็นระบบรถไฟฟ้าMonorail ซึ่งรัฐเป็นผู้รับผิดชอบค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และให้ภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธา ค่าระบบรถไฟฟ้าและขบวนรถไฟฟ้า และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ รวมทั้งบริหารการเดินรถและซ่อมบำรุง โดยให้เอกชนร่วมลงทุนเป็นระยะเวลา 30 ปี และเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสารและรับความเสี่ยงในด้านจำนวนผู้โดยสารของโครงการ
ทั้งนี้ เนื่องจาก 2 โครงการนี้จะให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนงานโยธาแทนรัฐ ดังนั้น เพื่อให้สามารถดึงดูดเอกชนมาร่วมลงทุน จึงกำหนดให้เงินสนับสนุนแก่เอกชนแต่ไม่เกินมูลค่างานโยธาเท่านั้น โดยคณะกรรมการ PPP ได้มอบหมายให้ รฟม. ไปปรับกรอบวงเงินให้เป็นปัจจุบันและเหมาะสมมากขึ้น เพื่อเป็นการลดภาระเงินสนับสนุนของรัฐ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการ งบประมาณในการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน และกรอบวงเงินสนับสนุนที่ชัดเจนในเดือนมีนาคม 2559 ต่อไป
นอกจากนี้ คณะกรรมการ PPP ได้ติดตามความคืบหน้าของอีก 3 โครงการภายใต้มาตรการ PPP Fast Track ของกระทรวงคมนาคม ได้แก่โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ) และโครงการ Motorway สายบางปะอิน-นครราชสีมา และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ซึ่งทั้ง 3 โครงการยังสามารถดำเนินการได้ตามกำหนด โดยโครงการ Motorway 2 โครงการ อยู่ระหว่างการทดสอบความสนใจของนักลงทุน (Market Sounding) และคาดว่าจะเสนอกระทรวงคมนาคมได้ในเดือนเมษายน 2559 นี้สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้ให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559
พร้อมกันนี้คณะกรรมการ PPP ได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาโครงการให้เร็วขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามกำหนดเวลาภายใต้มาตรการ PPP Fast Track ต่อไป โดยโครงการร่วมลงทุนภายใต้มาตรการ PPP Fast Track 5 โครงการมีมูลค่าวงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 334,000 ล้านบาท
คณะกรรมการ PPP ได้แก้ไขประเด็นปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) และโรงงานขยะขนาดเล็ก ที่เกิดจากการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุนฯ ปี 2556 แล้วโดยการปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินการของกิจการตามนโยบายรัฐบาลให้มีความกระชับและชัดเจนมากขึ้น เพื่อให้โครงการตามนโยบายรัฐบาลได้รวดเร็วมากขึ้น ทั้งนี้ สำหรับปัญหาและอุปสรรคในประเด็นอื่นๆ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณา