นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าจากการประชุมคณะอนุกรรมการระบายข้าวได้มีการหารือถึงแนวทางการะบายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลปริมาณ 12 ล้านตันซึ่งเป็นโกดังที่มีทั้งข้าวเกรด P A B และ C ปนกันอยู่ ทำให้ยากต่อการระบาย โดยขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศอยู่ระหว่างพิจารณาเกณฑ์และทำรายละเอียด ว่าควรมีการระบายอย่างไร
ในเบื้องต้นต้องดูแต่ละโกดังว่ามีข้าวแต่ละเกรดปะปนกันอยู่ในสัดส่วนเท่าใด ซึ่งอาจต้องระบายแบบยกคลัง แต่กรณีที่สามารถแยกข้าวได้ ก็จะมีการแยกขายข้าวเป็นกอง แล้วแต่กรณี โดยการระบายข้าวของรัฐจะต้องสร้างประโยชน์ให้กับรัฐมากที่สุด และไม่กระทบกับตลาดข้าว ภายหลังการจัดทำรายละเอียดเสร็จ ก็จะนำเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.) พิจารณาอนุมัติต่อไป
“การเปิดประมูลข้าวในสต๊อกรัฐครั้งต่อไป คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้หลังสงกรานต์ เนื่องจากหลังการเปิดประมูลครั้งนี้จะทำให้มีข้าวที่เหลือและแยกได้อย่างชัดเจนประมาณ 1 แสนตัน จึงมองว่าหากจะให้เปิดระบายปริมาณดังกล่าวอาจน้อยไป ดังนั้นกรมจะรอให้ข้าวมีปริมาณที่เหมาะสมจึงจะเปิดประมูลอีกครั้ง” นางดวงพร กล่าว
ทั้งนี้ในวันที่ 30 มีนาคม 2559 กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่2/2559 ปริมาณ 418,000 ตัน ในข้าว 11 ชนิด ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานและใกล้เคียงมาตรฐาน (ระดับคุณภาพเกรด P/A/B) ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% 10% 15% 25% ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวปทุมธานี ปลายข้าว (เหนียว) A1 ปลายข้าว A1เลิศ ปลายข้าวหอมมะลิ ข้าวท่อนหอมมะลิ และข้าวท่อนหอมปทุม รวมจำนวน 66 คลัง ใน 26 จังหวัด
โดยมีเอกชน 39 ราย ยื่นซองเสนอราคา จากจำนวนผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมประมูล 42 ราย เอกชนได้เสนอซื้อทั้งหมด 418,000 ตัน หรือทั้งหมด 100% ของการประมูล คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,433 ล้านบาท ชนิดข้าวที่มีผู้เสนอราคาซื้อมากที่สุดเป็น ข้าวขาว 5% ปริมาณ 2.92 แสนตัน คิดเป็น 70% รองลงมาได้แก่ ข้าวเหนียวขาว 10% ข้าวขาว 10% และปลายข้าว A1เลิศ ตามลำดับ
ในขณะเดียวกันในวันที่ 31 มีนาคม 2559 ได้เปิดประมูลข้าวในสต๊อกของรัฐเข้าสู่อุตสาหกรรม ครั้งที่ 2/2559 ปริมาณ 223,000 ตัน เป็นข้าวที่ผิดไปจากมาตรฐาน และผิดชนิด รวม 22 คลัง ใน 9 จังหวัดมีเอกชนที่ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมประมูล 7 ราย และภายหลังที่ได้ผู้เสนอซื้อสูงสุดสำหรับการประมูลทั้ง 2 แบบกรมจะรวบรวมผลให้คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐพิจารณาก่อนนำเสนอให้ประธาน นบข.พิจารณาอนุมัติผลการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไปและเข้าสู่อุตสาหกรรมต่อไป
“ด้านการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีนจะยังเดินหน้าไปต่อเนื่องและจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-โคราช โดยไทยจะมาลงทุนเองแต่เทคโนโลยีและตัวรถไฟไทยก็ยังคงใช้ของจีนในการดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด” นางดวงพร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี