nn เวลานี้ประเทศชาติและบ้านเมืองต้องการความสงบสุข กอปรกับทุกฝ่ายทั้งภาครัฐแลเอกชน อยู่ระหว่างเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ เข้ามาลงทุนในประเทศไทยส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2561 ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้ 4.2-4.7% เพราะเศรษฐกิจโลกดีขึ้น ทำให้การส่งออกและภาคการผลิตสำคัญ ขยายตัวดี และการใช้จ่ายภาครัฐ รวมถึง การลงทุนของภาครัฐ ที่เร่งขึ้นตามการเบิกจ่ายและความคืบหน้าโครงการลงทุนของภาครัฐ ขณะเดียวกัน ยังมีการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน การปรับตัวดีขึ้นของความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ และการดีขึ้นของฐานรายได้ในระบบเศรษฐกิจ
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ยังมีผู้ไม่หวังดี สร้างข่าว สร้างกระแสความเกลียดชังอย่างรุนแรงให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน อย่างเช่น กรณีกระแสข่าวที่บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี เซ็นสัญญาเช่าที่ดินที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ ใน อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จำนวน 4,000 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทหารเรือใช้ เพื่อเตรียมพัฒนาเมืองใหม่....ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นที่สร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในสังคมไทยจริงๆ!!!
ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้..ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ชี้แจงและประกาศชัดเจนว่า ซีพี ยังไม่เคยเข้ามาหารือเรื่องการลงทุนสร้างเมืองใหม่ฉะเชิงเทราแต่อย่างใด...และยืนยันว่าพื้นที่ราชพัสดุ ซึ่งเป็นพื้นที่ของกองทัพเรืออยู่ในขณะนี้ ไม่สามารถจะยกพื้นที่ให้เอกชนรายใดเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ง่ายๆ เพราะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยทำการเกษตรมานาน การขอใช้พื้นที่กับกรมธนารักษ์นั้นจะขอใช้ในส่วนที่จำเป็นเช่น สนามบิน ท่าเรือ ฯลฯ แต่กรณีของซีพีจะต้องเป็นพื้นที่ของซีพีเองเท่านั้นเพราะเป็นเรื่องเอกชน...
ขณะที่ กรมธนารักษ์ชี้แจงว่า ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ฉช. 611–614 ตำบลโยธะกา อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา มีเนื้อที่รวมทั้งสิ้น 4,277 ไร่ 15 ตารางวา ตามที่
สื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอออกข่าวนั้น เครือเจริญโภคภัณฑ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และที่ดินแปลงดังกล่าวยังไม่ได้กำหนดเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษและอยู่ในความครอบครองของกองทัพเรือ...
ปัจจุบัน บอร์ดอีอีซี แจ้งความประสงค์ขอใช้ที่ราชพัสดุ และมีมติเห็นชอบให้กำหนดเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษแล้ว จำนวน 2 แปลง เท่านั้น คือ ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ รย.333
อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เนื้อที่ประมาณ 6,500 ไร่ ซึ่งกำหนดเป็นเขตส่งเสริมเมืองการบินภาคตะวันออก บริเวณสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา จังหวัดระยอง และที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชบ.347 อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ทั้งแปลงประมาณ 759 ไร่ ซึ่งกำหนดเป็นเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล หรือ เขต EEC D และเขตส่งเสริมนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC I ณ อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี...
โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development) หรือ EEC เป็นแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล มีเป้าหมายหลัก คือ ส่งเสริมการลงทุน เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศ เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และทำให้เศรษฐกิจของไทยเติบโตได้ในระยะยาว โดยรัฐบาลมีแผนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเบื้องต้น ภายใต้กรอบการลงทุนรวมของภาครัฐและเอกชน วงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี พ.ศ.2560-2564 ซึ่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก จะทำให้รายได้ต่อหัวของประชากรใน 3 จังหวัด (GDP per Capita) สูงขึ้นเป็น 21,000 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ปี เพิ่มสูงขึ้นกว่าการเติบโตปกติที่ไม่มีการดำเนินนโยบายถึง 5 ปี…
!!แต่ถ้าสังคมไทยยังต้องมาเจอกับการสร้างกระแสข่าวที่สับสนอยู่อย่างนี้...สิ่งดีๆมันจะเกิดกับบ้านนี้เมืองนี้ได้อย่างไร...อนาคตลูกหลานไทยจะมีที่ยืนในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและมีการแข่งขันที่รุนแรงอย่างนี้ได้อย่างไร...???
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี