เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.)แถลงผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมกราคม 2562 พบว่าอยู่ที่ระดับ 93.8 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 93.2
นายสุพันธุ์กล่าวว่า ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นมาจากผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมเห็นว่า การใช้จ่ายทั้งจากการบริโภคภายในประเทศ และการใช้จ่ายภาครัฐผ่านโครงการลงทุนขนาดใหญ่ รวมทั้งการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและภาคการผลิต โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค สะท้อนดัชนีปริมาณการผลิตและอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าของเงินบาท และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเสี่ยงโดยเฉพาะการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้การส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัว รวมทั้งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นปัจจัยลบส่งผลต่อการขยายการลงทุนของผู้ประกอบการ ทำให้ดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 104.1 จากเดือนก่อนอยู่ที่ 105.9
นายสุพันธุ์กล่าวยอมรับภาคเอกชนมีความกังวลเรื่องการแข็งค่าของเงินบาทที่ลดลงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญและอาจส่งผลกระทบต่อทุกอุตสาหกรรม โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าที่สุดในภูมิภาคอาเซียน 2.73% เทียบกับอินโดนีเซียแข็งค่า 2.29% เวียดนามแข็งค่า 0.3% ไทยเป็นรองแค่ญี่ปุ่นเท่านั้นที่แข็งค่า 3%
“เรื่องค่าเงินบาทต้องยอมรับว่าเราอึดอัดมาก เพราะเราต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นรายได้หลักของประเทศ ซึ่งหากปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องโดยไม่ทำอะไร อาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะต่อไปด้วย โดยขณะนี้ภาคเอกชนกำลังติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด หากเงินบาทแข็งค่าหลุด 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ก็คงต้องขอหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แน่นอน”นายสุพันธุ์ กล่าว
นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังมีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐเร่งเจรจาการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เพื่อขยายตลาดการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น และรับมือกับผลกระทบจากสงครามการค้า และให้ภาครัฐส่งเสริม/สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยไปลงทุนในต่างประเทศ พร้อมทั้งกำหนดสิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล”นายสุพันธุ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สอท. กล่าวถึงยอดผลิตรถยนต์เดือนมกราคม 2562 ว่า อยู่ที่ 179,595 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.06% จากการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ 78,553 คัน เพิ่มขึ้น 15.44% สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ในประเทศอยู่ที่ 78,061 คัน เพิ่มขึ้น 17.3% เนื่องจากเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร ส่งผลให้ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมและผู้บริโภคดีขึ้น
ส่วนการผลิตเพื่อส่งออกอยู่ที่ 101,042 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.94% จากการผลิตรถกระบะเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้น 9.61% อยู่ที่ 66,292 คัน ขณะที่ภาพรวมการส่งออกรถยนต์ 0.59% อยู่ที่ 81,583 คัน โดยเป็นการลดลงเกือบทุกตลาดจากภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัวลง ยกเว้นตลาดเอเชีย ตลาดตะวันออกกลาง และตลาดอเมริกาเหนือ คิดเป็นมูลค่าส่งออก 40,816.86 ล้านบาท ลดลง 2.85%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี