เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2562 นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม ร่วมงาน RAIL Asia Expo 2019 พร้อมปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Rail Car Assembly Plants Initiatives for Thailand” ว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนให้ภาคเอกชน “จัดตั้งโรงงานผลิต ประกอบรถไฟในประเทศ” ขณะที่ กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เอง ก่อนหน้านี้ได้มีการหารือร่วมกันในการส่งเสริมให้มีการตั้งโรงงานผลิตรถไฟในประเทศไทยที่ คาดว่าจะเริ่มในปี 2563 -2564 พร้อมตั้งเป้าสามารถส่งออกรถไฟฟ้าไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV(เวียดนาม-ลาว-เมียนมา-เวียดนาม)

พร้อมคาดการณ์ว่าจะสามารถจัดตั้งโรงงานผลิตรถไฟ รถไฟฟ้าได้สูงถึง 3 โรงงาน มียอดการผลิตรวมสูงกว่า 900 ตู้ต่อปี ในปี 2570 โดยการจัดตั้งโรงงานผลิต ประกอบรถไฟในไทย ในอนาคต จะสามารถลดต้นทุนการนำเข้าจากต่างประเทศได้กว่า 10 เท่า จากเดิมมีการนำเข้ากว่า 70,000 ล้านบาท เมื่อมีโรงงานผลิต ประกอบในไทยจะลดการนำเข้าเหลือเพียง 6,000-7,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ในอนาคตไทยจะขยายโครงข่ายรถไฟไปเชื่อมต่อเพื่อนบ้านเพื่อเสริมศักยภาพการเป็นศูนย์กลาง CLMV โดยจะมีเชื่อมรถไฟทางคู่และรถไฟความเร็วสูง กับสปป.ลาว ขณะที่
ทางกัมพูชาที่จะมีการเปิดเดินรถข้ามประเทศเส้นทางไทย-กัมพูชา ช่วงจังหวัดตราด-เสียมราฐ-พระตะบอง ด้านการเชื่อมต่อกับเมียนมานั้นจะต้องเจรจาให้สามารถเดินรถเชื่อมกันได้อีกครั้ง ซึ่งในส่วนของภายในประเทศก็ได้มีการขนส่งระบบรางใหม่ๆเกิดขึ้น เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง, โครงการรถไฟฟ้าในเมืองและปริมณฑล 10 สาย, โครงการรถไฟฟ้ารางเบาในภูมิภาค และระบบขนส่งผู้โดยสารเข้าสู่ระบบขนส่งหลักอย่าง รถเมล์ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เป็นต้น

ด้านนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้กทม. เตรียมเสนอสร้างฟีดเดอร์เพื่อต่อเชื่อมจากรถไฟฟ้าสายสีเขียวจากสถานีแบริ่งไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ(รถไฟฟ้าสีฟ้าอ่อน) ซึ่งหากโครงการมีการดำเนินการให้เป็นรูปธรรม จะทำให้ประชาชนฝั่งสมุทรปราการ สามารถเดินทางด้วยระบบรางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิทางทิศใต้ของสนามบินได้ โดยที่ไม่ต้องเข้าสนามบินทางด้านทิศเหนือเหมือนในปัจจุบัน

ขณะที่นายสุจิตต์ เชาว์ศิริกุล รองผู้ว่าการ กลุ่มบริหารรถไฟฟ้า ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) กล่าวว่าร.ฟ.ท.มีแผนจะเปิดประมูล ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน บริเวณพื้นที่แปลง A ขนาด 32 ไร่ มูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นแปลงแรก คาดว่าจะประกาศเชิญชวนนักลงทุน และได้ผู้ชนะการประมูลภายในปีนี้ เพื่อให้นักลงทุนสามารถพัฒนาพื้นที่แปลง A บางส่วนทันกับการเปิดให้บริการสถานีกลางบางซื่อในปี2564 จากนั้นจะมีการทยอยเปิดประมูลพื้นที่แปลงอื่นๆ ในศูนย์คมนาคมพหลโยธินต่อไป