เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2562 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมามอบนโยบายและรับฟังแนวทางการบริหารงานของกระทรวงพลังงาน โดยมีผู้บริหารระดับสูงพร้อมด้วยหน่วยงานรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวงพลังงาน อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)มารับมอบนโยบายเพื่อจัดหามาตรการดูแลค่าครองชีพประชาชนด้านพลังงาน
นายสมคิดกล่าวว่า สำหรับผลกระทบทางเศรษฐกิจอยากให้ ปตท. และกฟผ.มาช่วยลดค่าครองชีพประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้ รวมถึงกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีเงินอยู่ประมาณ 30,000 ล้านบาทและกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานว่าสามารถนำมาปรับเข้ามาช่วยเหลือเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ และช่วยผู้มีรายได้น้อย
ได้หรือไม่
พร้อมย้ำว่า ปตท. ต้องเข้ามาดูแลผู้มีรายได้น้อยเพื่อบรรเทาปัญหาค่าครองชีพเช่น กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถแท็กซี่ และราคาก๊าซแอลพีจีซึ่งอาจจะต้องใช้เงินจากกองทุนฯเข้ามาช่วยเหลือในบางส่วน รวมถึงเร่งรัดโครงการปุ๋ยสั่งตัด(การใช้ปุ๋ยเคมตามชุดดิน และค่าวิเคราะห์ดิน)ที่ได้มอบหมายให้ ปตท.ดำเนินการ
“กรณีปุ๋ยสั่งตัด หาก ปตท.ไม่เชี่ยวชาญ ควรเชิญนักลงทุนหรือผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศมาร่วมทุนหรือร่วมดำเนินการ กรณีนี้ไม่ถือว่าเป็นการแย่งตลาดปุ๋ยจากเอกชน เพราะเน้นปุ๋ยสูตรที่จำเป็นเพื่อลดต้นทุนเกษตรกรเท่านั้น รวมทั้งให้ทำห้องเย็นเก็บผลไม้ทั้งที่ภาคใต้ ภาคตะวันออกให้ยาวนาน เพื่อลดปัญหาราคาตกต่ำ เช่น จ.สุราษฎร์ธานี เป็นต้น โดยให้เชื่อมโยงกับกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก(EFC)อยู่เพื่อทำให้เกิดขึ้นโดยเร็ว”นายสมคิดกล่าว
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า เร็วๆ นี้ จะไปมอบนโยบายให้กับปตท.และกฟผ.เพื่อที่จะปรับนโยบายและทิศทางการดำเนินงานให้สอดรับกับนโยบายกระทรวงพลังงานและนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานเพื่อตอบโจทย์ 2 ประเด็นหลักได้แก่ 1. ลดความเหลื่อมล้ำ 2. สร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศเพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานราก
สำหรับการทำปุ๋ยสั่งตัดที่เป็นต้นทุนการผลิตของเกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศที่จะทำงานร่วมกับกลุ่มปตท. ที่สอดรับกับนโยบายของพลังงานที่มอบให้ปตท.ไปศึกษาการเป็นสหกรณ์เพื่อยกระดับเป็น PTT -CO-OP ขณะเดียวกัน ปตท.จะมีส่วนในการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรโดยจะใช้กลไกกองทุนอนุรักษ์พลังงานมายกระดับเรื่องของบรรจุภัณฑ์ การสร้างแบรนด์สถานที่ขายเพื่อให้ปตท. เป็นอีคอมเมิร์ซของชุมชนด้วยนอกเหนือจากการตลาด ปตท.จึงเป็นกำลังหลักยกระดับให้กับชุมชน
นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เป้าหมายการดำเนินงานในระยะ 6 เดือน ได้วางอยู่บนหลักการสำคัญคือ ด้านการลดความเหลื่อมล้ำ โดยจะดำเนินการดูแลค่าครองชีพด้านพลังงานทั้งราคา LPG และ NGV, จัดตั้งสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง, จัดทำโมเดลของโรงไฟฟ้าชุมชน และแนวทางช่วยเหลือประชาชนรอบโรงไฟฟ้า ด้านการเพิ่มขีดความสามารถจะปรับสมดุลเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ฯลฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี