"ซีพีเอ็น"เฮ! ศาลปค.คุ้มครองชั่วคราว สั่งทอท.เปิดทางเข้า"เซ็นทรัล วิลเลจ" ชี้ทางหลวงฯอนุญาตทำทางเชื่อมเข้า-ออก ใช้สาธารณูปโภคพื้นฐาน ไม่เข้าลักษณะรบกวนการครอบครองที่ราชพัสดุที่ทอท.ได้รับสิทธิให้ใช้ประโยชน์ ระบุข้ออ้างรบกวนการบิน-กระทบการพัฒนาโครงการสนามบินสุวรรณภูมิระยะ2 แค่การคาดการณ์ ยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายกับทอท.
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยสั่งให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. รื้อถอนสิ่งกีดขวางออกจากทางหลวงแผ่นดิน 370 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ. สมุทรปราการ บริเวณเข้า-ออก หน้าโครงการฯเซ็นทรัล วิลเลจ ตามที่บริษัทเซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) ยื่นคำร้องขอ โดยศาลเห็นว่า แม้ทอท. จะอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุอยู่ในการดูแลของทอท.ตามข้อ 7ของระเบียบกระทรวงการคลัง และกรมการบินพาณิชย์ว่าด้วยการใช้ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุที่อยู่ในความปกครองดูแล และใช้ประโยชน์ของกรมการบินพาณิชย์อันเกี่ยวกับสนามบินสุวรรณภูมิ พ.ศ.2545 แต่เรื่องสถานะความเป็นที่ราชพัสดุของที่ดินบริเวณพิพาท ยังเป็นที่โต้แย้งกันอยู่ แม้บริษัทเซ็นทรัล พัฒนากับพวกจะยื่นสำเนาหนังสือกรมธนารักษ์ ด่วนที่สุด ที่ กค 0305/15039 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2562 ระบุว่า กรมธนารักษ์ได้ตรวจสอบข้อมูลที่ราชพัสดุบริเวณดังกล่าวในเบื้องต้นแล้ว ปรากฏว่ากรมท่าอากาศยานหรือกรมการบินพลเรือนเดิม ได้จัดซื้อจากราษฎรด้วยเงินงบประมาณในช่วงปี 2511-2513 เพื่อใช้ในราชการของกรมท่าอากาศยานซึ่งอยู่ในความครอบครองของกรมท่าอากาศยาน และได้ขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุไว้จำนวน 26 ทะเบียน รวมเนื้อที่ประมาณ 184-13-26 ไร่ ปัจจุบันใช้ประโยชน์เป็นทางเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิทิศใต้เชื่อมต่อกับทางพิเศษบรูพาวิถี ดังนั้น กรมท่าอากาศยานในฐานะผู้ครอบครองใช้ที่ราชพัสดุ และทอท. ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลใช้ประโยชน์แทน จึงมีหน้าที่ในการปกครอง ดูแล และบำรุงรักษาแนวเขตที่ราชพัสดุร่วมกัน กรณีมีการรุกล้ำที่ราชพัสดุ หรือการกระทำที่ผิดกฎหมายจะต้องพิจารณาดำเนินการกับผู้กระทำผิด ให้เป็นไปตามกรอบที่อำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้ก็ตาม
แต่ความเป็นจริงที่ปรากฏ บริเวณดังกล่าวเป็นเขตทางซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข370 อยู่ในความดูแลของกรมทางหลวงแผ่นดิน โดยทอท.เคยมีหนังสือลงวันที่ 16 พ.ย.61 ขออนุญาตกรมทางหลวงฯเพื่อก่อสร้างท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินและบ่อพัก เมื่อพิจารณาข้อกำหนดและข้อตกลงดังกล่าว เห็นว่า ทอท.เป็นเพียงหน่วยงานที่ได้รับสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุที่อยู่ในการครอบครอง ควบคุม ดูแลของกรมการบินพาณิชย์และมีหน้าที่ดูแล ระวังรักษาแนวเขตที่ราชพัสดุที่ได้รับมอบหมายไม่ให้บุคคลใดมารบกวนการครอบครอง หรือใช้สิทธิ์ครอบครองโดยปรปักษ์เท่านั้น ไม่ได้มีอำนาจอื่นเกี่ยวกับที่ราชพัสดุดังกล่าว อีกทั้งบริษัทเซ็นทรัลพัฒนาและพวกได้รับอนุญาตให้ทำทางเชื่อมและใช้ทางเชื่อมดังกล่าวเป็นทางเข้าออก และการใช้สาธารณูปโภคพื้นฐานก็ไม่ได้มีลักษณะเป็นการรบกวนการครอบครอง หรือใช้สิทธิ์ครอบครองโดยปรปักษ์ในที่ดินพิพาท จึงถือได้ว่า คำฟ้องของบริษัท เซ็นทรัล พัฒนามีมูล และการที่ทอท.ให้ถ้อยคำยืนยันว่า ทอท.มีอำนาจที่จะกระทำตามฟ้อง แสดงให้เห็นว่าทอท.จะกระทำซ้ำหรือทำการดังกล่าวต่อไป และปรากฏข้อเท็จจริงด้วยว่าการกระทำดังกล่าวของทอท.ทำให้บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาและพวก ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ จึงเป็นกรณีที่บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาและพวก จะได้รับความเดือดร้อนเสียหายต่อไป เนื่องจากการกระทำของทอท.
และแม้ ทอท.จะอ้างว่าหากให้บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาและพวก ใช้ทางเชื่อมดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 เสียหายด้านการเงิน ด้านเศรษฐกิจของประเทศและด้านการให้บริการสาธารณะ รวมถึงศักยภาพการให้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ศาลเห็นว่าข้อกล่าวอ้างเป็นเพียงการคาดการณ์เท่านั้น และในขณะนี้การที่บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาและพวก ใช้ที่ดินบริเวณพิพาทเป็นทางเข้าออกและใช้สาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อประกอบกิจการโครงการเซ็นทรัลวิลเลจ ลักซูรี่ เอ้าท์เล็ต ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายตามที่ทอท.อ้างแต่อย่างใด การที่ศาลจะกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาจึงไม่เป็นการเสียหายหรืออุปสรรคต่อการบริหารงานของทอท. จึงมีคำสั่งให้ทอท.รื้อถอนสิ่งกีดขวางใดออกจากเขตทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 บริเวณทางเข้าออก หน้าโครงการโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักซูรี่ เอ้าท์เล็ต และยุติการดำเนินการใดๆที่เป็นการขัดขวาง รบกวนก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการใช้ประโยชน์ใดๆของบริษัทเซ็นทรัลพัฒนากับพวก และการดำเนินการของหน่วยงานสาธารณูปโภคที่เกี่ยวกับโครงการดังกล่าวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ด้าน นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จํากัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กล่าวว่า ซีพีเอ็น พันธมิตรร้านค้า กว่า 150 ร้าน และพนักงานกว่า 1,000 คน ขอขอบคุณภาครัฐ ศาลปกครอง ประชาชน สื่อมวลชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่มีความจริงใจ ช่วยสนับสนุนให้เกิดความเป็นธรรม และช่วยคลี่คลายสถานการณ์ต่างๆ ให้โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่ เอาท์เล็ตระดับโลกแห่งแรกของไทย สามารถเปิดให้บริการได้ตามกำหนดในวันพรุ่งนี้ (31 ส.ค.) ตั้งแต่เวลา 10.39 - 22.00 น.โดยมุ่งหวังประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของชาติเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ซีพีเอ็นเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ากลุ่มแรกของเซ็นทรัล วิลเลจ อย่างเต็มที่ ด้วยที่จอดรถรองรับรถยนต์ได้กว่า 1,500 คัน พร้อมเสริมมาตรการบรรเทาการจราจร โดยโครงการยังยืนยันได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายผังเมือง มีความปลอดภัยต่อการบิน ทั้งความสูง และไม่มีกิจกรรมใดๆ ที่จะกระทบ หรือรบกวนการบิน เป็นไปตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ทุกประการ
"ซีพีเอ็นยึดหลักความถูกต้องและเป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป เพื่อให้โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ เป็นโครงการแห่งความภาคภูมิใจของคนไทย สมกับเป็นโครงการที่เชิดชูอัตลักษณ์ไทย และเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้อย่างสมภาคภูมิในเวทีสากล และเป็นให้คนไทยช้อปในประเทศมากขึ้นและมีโอกาสในการเข้าถึงสินค้าแบรนด์เนมในราคาย่อมเยาว์ ลดราคา 35-70% ทุกวัน"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี