เปิดปฏิบัติการ‘ทลายล้างข่าวปลอม 09.09.2019’ ดีอี-ปอท.ประกาศไล่ล่าต่อเนื่อง
10 กันยายน 2562 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 40 วันที่ได้เข้ามาทำงานได้ประสานงานกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) อย่างต่อเนื่อง ในเรื่องของปลอมต่างๆที่เกิดขึ้น การดำเนินการถึงต้นตอการปล่อยข่าวต่างๆในหลายมิติ ในเรื่องของความมั่นคง การหลอกลวง รวมถึงความมั่นคงของประเทศในเรื่องการล้มล้างสถาบัน จะเห็นว่า เทคโนโลยีและเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่บังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ที่เราได้ถือโดยไม่ได้รังแกหรือมีเป้าหมายเป็นเรื่องการเมืองใดๆ
อย่างไรก็ตาม จากนี้จะดำเนินการปฏิบัติการต่อไป ขอความร่วมมือและสื่อสารไปยังพี่น้องประชาชนว่าวัตถุประสงค์ในการปล่อยข่าวปลอมจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อความสนุกสนาน การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการขายสินค้าออนไลน์ รวมถึงบุคคลที่คิดต่าง ขอให้ระมัดระวังจะทำผิดกฎหมายสามารถถูกดำเนินคดีได้
“วันนี้เรามีหลายกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่และทางกระทรวงดีอีได้ติดตาม เรามีทีมที่ติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง อยากจะขอเตือนให้อย่ากระทำความผิด ทางเราเฝ้าระวังและเอาจริงเอาจัง อยากให้พี่น้องประชาชนสบายใจว่าทางกระทรวงดีอีและปอท.ทำงานอย่างจริงจังและทำอย่างต่อเนื่อง สำหรับการปฏิบัติการของ บก.ปอท. เพื่อสืบสวนการกระทำความผิดในลักษณะของการสร้างข่าวปลอมทางสื่อออนไลน์ และอาชญากรมทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ปฏิบัติการ “ทลายล้างข่าวปลอม 09.09.2019” โดยปิดล้อมตรวจค้น 9 พื้นที่เป้าหมายในระหว่าง 19 สิงหาคม 2562-9 กันยายน 2562 มีผลปฏิบัติการดังนี้
กรณีที่ 1 “ข่าวประกาศพื้นที่ควบคุมพิเศษ ระเบิด 7 จุด ในกรุงเทพมหานคร” ผู้รับผิดชอบ กก.1 บก.ปอท. เข้าตรวจค้นที่บ้านพัก ย่านบางพลัด ต่อมาได้เชิญตัวผู้ถูกกล่าวหามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(2)
กรณีที่ 2 “นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ (Email Scam)” ผู้รับผิดชอบ กก.1 บก.ปอท. ร่วมกับ สตม. จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2014/2558 ลงวันที่ 14 ก.ย. 2558 จำนวน 1 ราย ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ผู้ต้องหาประกอบด้วย ชาวไนจีเรีย 3 คน ร่วมกับคนไทย 2 คน ทำเป็นขบวนการลักษณะคนร้ายข้ามชาติ (จับได้ครบทั้งหมด 5 คนแล้ว) มูลค่าทรัพย์สินที่เสียหาย หลายล้านบาท
กรณีที่ 3 “จับกุมผู้ต้องหาหลอกรักออนไลน์ (Romance Scam) โดยทำเป็นขบวนการ” ผู้รับผิดชอบ กก.2 บก.ปอท. เข้าจับกุมผู้ต้องหา สืบสวนจับกุมผู้ต้องหา 1 คน ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1228/2562 ลงวันที่ 15 ส.ค. 2562 ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มูลค่าความเสียหายกว่าล้านบาท
กรณีที่ 4 “จับกุมผู้ต้องหาแอบอ้างข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย แล้วหลอกลวงขายสินค้าออนไลน์จำนวน 2 ราย (โทรศัพท์ และเสื้อผ้า มูลค่าความเสียหาย 5 ล้านบาท)” ผู้รับผิดชอบ กก.2 บก.ปอท. สืบสวนจับกุมผู้ต้องหา 3 คน เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดหัวหิน ที่ จ.247/2561 , ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 291/2562 และผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1307/2562 โดยจับกุมได้ในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดสมุทรสาคร
กรณีที่ 5 “แอบอ้างว่าเป็นลูกสาวของประธานาธิบดีของประเทศจีน” ผู้รับผิดชอบ กก.3 บก.ปอท. ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุย เข้าทำการตรวจยึดอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิด ได้ในบ้านพักพื้นที่อำเภอบ่อผุด จังหวัดสุราษฎร์ธานี
กรณีที่ 6 “ข่าวแม่น้ำโขงแห้ง ปลาสูญพันธุ์” ผู้รับผิดชอบ กก.3 บก.ปอท. นำหมายค้นของศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นที่บ้านพัก ในอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี และได้นำตัวมาดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(2)
กรณีที่ 7 “หลอกขายผลิตภัณฑ์ประหยัดไฟฟ้า” ผู้รับผิดชอบ กก.3 บก.ปอท. ร่วมกับ บก.ปคบ. นำหมายค้นไปยังโกดังเก็บสินค้าในพื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และอำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี ตรวจยึดผลิตภัณฑ์ที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก และได้สืบสวนติดตามผู้กระทำความผิดซึ่งเป็นชาวต่างชาติ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กรณีที่ 8 “แอบอ้างนามสกุลนายกรัฐมนตรี หลอกขายของออนไลน์” ผู้รับผิดชอบ กก.3 บก.ปอท. จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1328/2562 ลงวันที่ 30 ส.ค. 2562 โดยแอบอ้างใช้นามสกุลนายกรัฐมนตรีหลอกขายสินค้าทางออนไลน์ เพื่อหวังให้เกิดความน่าเชื่อถือ ซึ่งกระทำมาแล้วเป็นเวลา 4 เดือน มูลค่าความเสียหายนับแสนบาท
กรณีที่ 9 “เพจเฟซบุ๊ก รับสมัครนักรบล้มล้างการปกครอง” ผู้รับผิดชอบ กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท. ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดนนทบุรี เข้าตรวจค้นที่บ้านพักย่านเมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ได้พบกับผู้กระทำความผิด และรับว่าได้กระทำจริง จึงได้นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายข้างต้นต่อไป (มาตรา 14(3) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 )
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี