นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจพบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุทั้งสิ้น 800 ราย แบ่งเป็นนิติบุคคล 341 ราย คิดเป็น 42.63% ทุนจดทะเบียนรวม 2,136.39 ล้านบาท และบุคคลธรรมดา 459 ราย คิดเป็น 57.37% ขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ(Aging Society) อย่างเต็มรูปแบบในอีก1-2 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าในปี 2563 จะมีผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปี ราว 13 ล้านคนและในปี 2573 จะมีผู้สูงอายุเกินกว่า 18 ล้านคนหรือ 27% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ (ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)ซึ่งไม่เพียงเฉพาะประเทศไทยเท่านั้นแต่ทั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วก็จะมีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นเช่น ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา และประเทศในกลุ่มนอร์ดิก เช่น ไอซ์แลนด์ และฟินแลนด์ เป็นต้น
ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนของจำนวนผู้สูงอายุในประเทศกับจำนวนธุรกิจดูแลผู้สูงอายุจะเห็นได้ว่าธุรกิจดูแลผู้สูงอายุยังคงขาดแคลนและโตไม่ทันตามความต้องการของตลาด
จึงสั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เร่งพัฒนาธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในประเทศให้มีระบบการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล พร้อมหาวิธีสร้างแรงจูงใจให้ภาคธุรกิจเข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้มากขึ้น นอกเหนือจากรัฐสวัสดิการที่รัฐบาลได้จัดสรรให้และถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้สูงอายุ ปัจจุบันบุตรหลานมักจะเลือกใช้บริการธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ฉะนั้น ธุรกิจนี้จึงมีโอกาสเติบโต ได้อีกมาก รวมทั้งยังมีโอกาสสร้างรายได้เข้าประเทศเพราะผู้สูงอายุชาวต่างชาติมักจะเดินทางเข้ามาใช้ชีวิตช่วงบั้นปลายในประเทศไทย
การที่ประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในระดับภูมิภาคได้ ต้องมีบุคลากรที่มีความรู้และทักษะเฉพาะ ได้แก่ แพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยการพยาบาล นักกายภาพบำบัด นักโภชนาการ และนักกิจกรรมบำบัด รวมทั้ง ต้องมีสถานบริการและการบริหารจัดการที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะเข้ามาดูแลการบริหารจัดการฯ โดยเน้นการส่งเสริมพัฒนาให้มีมาตรฐานคุณภาพการบริหารจัดการธุรกิจ ประกอบด้วย 1) การสร้างองค์ความรู้ และเสริมสร้างศักยภาพด้านการบริหารจัดการ2) พัฒนาธุรกิจบริการสู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพตามแนวทางของรางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award : TQA)3) สร้างโอกาสทางการตลาดและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจดูแลผู้สูงอายุที่มีศักยภาพกับตลาดผ่านแพลตฟอร์ม หรือช่องทางการตลาดของกลุ่ม Startup ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ เกี่ยวเนื่องและก่อเกิดรายได้ต่อเนื่องกับธุรกิจหลากหลายประเภท เช่น บริการออกแบบที่พักอาศัย การท่องเที่ยว บริการความงาม โรงพยาบาล ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต โรงเรียนสอนบุคลากรดูแลผู้สูงวัย การค้าออนไลน์ การทำธุรกรรมออนไลน์ และการบริการหลังความตายฯลฯ เป็นต้น การเติบโตของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุจึงเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจให้แก่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เรายังมีประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจด้านดูแลผู้สูงอายุ หากผู้ประกอบการไทยต้องการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันที่เหนือกว่า ควรศึกษา วิเคราะห์เปรียบเทียบกับคู่แข่งอยู่เสมอ มีการพัฒนารูปแบบการให้บริการเพื่อสร้างความแตกต่าง ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ ตลอดจนเป็นการยกระดับให้ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในระดับภูมิภาค
ปัจจุบันธุรกิจดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 5 รูปแบบ คือ 1) บ้านพักคนชรา (residential Home) 2) สถานบริการช่วยเหลือในการดำรงชีวิต (Assisted Living) 3) สถานบริบาล (Nursing Home) 4) สถานดูแลระยะยาวในโรงพยาบาล (Long-term Care Hospital) และ5) สถานดูแลระยะสุดท้าย (Hospice Care)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี