เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ในวันนี้ ได้เรียก นายคณิต แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC พร้อมด้วยคณะกรรมการคัดเลือกโครงการ มาประชุมร่วมกันเพื่อหารือ ข้อสรุปให้มีความชัดเจนในเรื่องของการส่งมอบพื้นที่ ร่วมถึงพิจารณาว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตาม TOR ที่กำหนดไว้กับกลุ่มกิจการร่วมค้า CP
"ยืนว่าขณะนี้ยังเป็นไปตามกรอบเวลาที่จะสามารถเซ็นสัญญาลงนามได้ จะภายใน 3 วัน 10 วัน ก็ยังดำเนินการได้ ไม่ได้เกิดความเสียหายต่อโครงการแต่อย่างใด แต่สิ่งสำคัญคือต้องยึด TOR ที่ผู้ประมูลนั้น ต้องรับทราบและยอมรับในเงื่อนไขนั้น เพราะไม่เช่นนั้นจะเข้าประมูลไม่ได้ ดังนั้น จึงไม่ต้องมีการเจรจาเพิ่มอีก ขอให้ทำตาม TOR ซึ่งรัฐบาลก็ยึดใน TOR ไม่สามารถไปปรับแก้เงื่อนไขใดๆ ใน TOR ได้ เพราะถ้ารัฐบาลมีการปรับแก้ รายที่แพ้ประมูล ก็จะมีการฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายกลับได้ ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุด ระหว่างรัฐบาลและผู้รับสัมปทาน ก็ต้องปฎิบัติตาม TOR ที่เขียนไว้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องไปเปิดพจนานุกรมใดๆ ว่าขั้นตอนการดำเนินโครงการ การส่งมอบพื้นที่เป็นอย่างไร"
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เห็นว่า การเรียกร้องส่งมอบพื้นที่ทั้งร้อยเปอร์เซ็น แล้วจะเซ็นสัญญาเป็นไปไม่ได้ ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 20 ก็ดำเนินการตามกรอบทยอยส่งไป ถ้าหากมีการส่งมอบล่าช้า ผู้รับสัมปทานก็สามารถใช้สิทธิ์ในการต่ออายุสัญญาได้ ซึ่งถือเป็นการปฎิบัติทั่วไป เกิดขึ้นกับทุกหน่วยงาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภายหลังการหารือแล้ว จะมีโอกาสที่สดใสขึ้นหรือไม่ และจะเซ็นสัญญาภายในสิ้นเดือนกันยายนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าทำทุกอย่างตาม TOR ก็จะสดใส ไม่มีปัญหาใดๆ เพราะถ้าไม่ทำก็เกิดความไม่มั่นคง ต่างชาติไม่มั่นใจ ทั้งนี้ ยืนยันว่า แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงคนรับผิดชอบจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นตนเอง ก็ไม่มีผล เพราะคู่สัญญาคือ ร.ฟ.ท.แม้จะเปลี่ยนรัฐมนตรีไปกี่คนก็ตามการดำเนินการของ ร.ฟ.ท.ก็เป็นไปตามเวลา
เมื่อถามว่า จะให้ระยะเวลากลุ่มกิจการร่วมค้า CP เซ็นสัญญาไปจนถึงเมื่อไร นายอนุทิน กล่าวว่า ทราบว่าเรื่องนี้ใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว แต่ยืนยันก็ต้องเซ็นสัญญา ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในการแก้ปัญหาที่ติดขัด ให้กับคู่สัญญาของรัฐ เพื่อให้งานเกิดความสำเร็จ เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัวการเซ็นการสัญญา ยิ่งตนเองรับผิดชอบแล้ว ติดขัดปัญหาใด ก็พร้อมลงไปช่วยด้วยตนเอง
"เวลาเข้ามาประมูลไม่ใช่มายื่นกระดาษเพียงใบเดียว แต่มีหนังสือค้ำสัญญาธนาคาร ถ้าไม่เซ็นสัญญาตาม TOR ก็จะถูกยึดหนังสือค้ำสัญญาธนาคาร นอกจากนี้ อาจจะถูกขึ้นบัญชีดำในฐานะที่เข้าข่ายว่าเป็นผู้ทิ้งงานด้วย ทางเลือกแทบไม่มี ต้องเซ็นให้ได้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ประมูลแล้วต้องทำ ขอให้ตั้งใจทำ เราก็ตั้งใจช่วย" นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน ยังกล่าวว่า หากไม่เซ็นสัญญา แล้วเปลี่ยนสัมปทาน รัฐก็ต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นในการว่าจ้างรายอื่น ซึ่งส่วนต่าง กลุ่มรับสัมปทานเดิม ก็ต้องชดใช้ส่วนต่างอยู่ดี ดังนั้น เมื่อยังต้องชดใช้ส่วนต่างอยู่แล้ว ก็ควรดำเนินการเอง ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะช่วยแก้ปัญหา ให้งานเดินหน้าไปได้ เพราะหากงานไม่เดิน EEC ก็ไม่เกิด ส่งผลให้การลงทุนสนามบิน ท่าเรือ ก็จะไม่เกิดขึ้นด้วย เพราะไม่มีใครกล้ามาลงทุน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี