นายวิเลิศ ภูริวัชร คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดเผยว่าจากการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันขององค์กร WEF (World Economic Forum) ปี 2562 ประเทศไทยมีค่าดัชนีความสามารถการแข่งขันดีขึ้นจากปี 2561 จากเดิม 67.5 คะแนน เป็น 68.1 คะแนน แต่อันดับปรับลดลงจากอันดับที่ 38มาอยู่ที่ 40 ของโลก จากทั้งหมด 141 ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับ
สำหรับอันดับ 1 ปี 2562 มีการล้มแชมป์เกิดขึ้น เมื่อประเทศสิงคโปร์ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง 84.8 คะแนน ล้มแชมป์เก่าสหรัฐอเมริกา ที่หล่นไปอยู่อันดับ 2ด้วย 83.7 คะแนน ส่วนอันดับ 3-10 คือ ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เยอรมนี สวีเดน สหราชอาณาจักร และเดนมาร์ก ตามลำดับ
“เหตุผลที่ทำให้สิงคโปร์ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ของโลกมาจากความสามารถในหลากหลายด้าน เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่ดีตั้งแต่คุณภาพของถนนในประเทศ ไปจนถึงประสิทธิภาพของท่าเรือที่ใช้ขนส่งสินค้า และสนามบินที่มีประสิทธิภาพสูงเช่นกันความมั่นคงทางเศรษฐกิจและระบบการเงินที่เข้มแข็งของสิงคโปร์ส่วนอีกเรื่องคือ ความพร้อมในการก้าวขึ้นมาเป็น “ศูนย์กลางด้านนวัตกรรมระดับโลก” แต่อย่างไรก็ดีในรายงานระบุว่า สิงคโปร์ยังจำเป็นต้องสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศ และต้องพัฒนาคุณภาพทักษะของฐานแรงงานในประเทศอีกจำนวนมาก”
ส่วนข้อสังเกตที่สำคัญปีนี้ เวียดนามเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดสูงที่สุดในโลก โดยมีค่าดัชนีเพิ่มขึ้นถึง 3.5 คะแนน ขยับเพิ่มขึ้นถึง 10 อันดับ จากอันดับ 77 เมื่อปีที่ผ่านมา ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 67
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแข่งขันของไทยกับกลุ่มประเทศอาเซียนบวก 3 พบว่า ไทยอยู่อันดับที่ 6จาก 12 ประเทศ โดยเป็นรอง สิงคโปร์ อันดับ 1, ญี่ปุ่น อันดับ 6, เกาหลีใต้ อันดับ 13, มาเลเซีย อันดับ 27 และจีน อันดับ 28 แต่ไทย มีอันดับสูงกว่าประเทศอื่น เช่น อินโดนีเซีย อันดับ 50, บรูไน อันดับ 56, ฟิลิปปินส์ อันดับ 64,เวียดนาม อันดับ 67, กัมพูชา อันดับ 106, ลาว อันดับ 113 ส่วนเมียนมา ไม่ได้รับการจัดอันดับ
จากการวิเคราะห์ตัวชี้วัดทั้งหมด พบว่าหากมีการเร่งพัฒนาในเรื่องของการลดการทุจริต ปรับปรุงคุณภาพของโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาทักษะของคนในประเทศ และมีนโยบายที่ช่วยลดช่องว่างในการแข่งขันของตลาดภายในประเทศ ซึ่งเป็นดัชนีที่มีค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักมาก แต่ประเทศไทยเรายังทำได้ไม่ดีนัก ก็จะสามารถทำให้ประเทศไทยมีอันดับการแข่งขันที่ดีขึ้นมากได้ ในขณะที่การพัฒนาในเรื่องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และการมีสุขภาพดีอายุที่ยืนยาวของคนในประเทศ ซึ่งเป็นดัชนีที่มีค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักมาก และประเทศไทยทำได้ดีอยู่แล้ว รวมทั้งสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไปได้ง่าย ก็จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศไทยได้อย่างก้าวกระโดด และส่งผลต่อการพัฒนาประเทศให้อยู่ในอันดับที่สูงขึ้นต่อไปได้
สำหรับความสามารถในการแข่งขันทาง WEF คำนวณจากดัชนีชี้วัด 4 มิติใหญ่ คือ 1.สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย 2.ทรัพยากรมนุษย์ 3.ตลาด และ 4.ระบบนิเวศของนวัตกรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี