กสอ.หนุนเอสเอ็มอีเข้าถึงงานวิจัยและนวัตกรรม ชู50นวัตกรรมต่อยอดพัฒนาธุรกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ตลาดยุคใหม่
นายเดชา จาตุธนานันท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้วางแผนการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ให้กับวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SME) ของไทยให้สอดรับกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของตลาดและผู้บริโภค โดยเน้นความสำคัญของการนำงานวิจัยและพัฒนา เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ และยกระดับกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ ภายใต้การทำโครงการ "Research Connect" หรือตลาดต่อยอดงานวิจัยสู่อุตสาหกรรม ที่จะนำไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์
ทั้งนี้ ได้มีการนำกว่า 50 ผลงานที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาใน 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอาหารแปรรูป , กลุ่มพลังงานและสิ่งแวดล้อม , กลุ่มการแพทย์–สุขภาพ และกลุ่มซอฟต์แวร์และดิจิทัล ที่มีแนวโน้มการเติบโตและสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต มาส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์กับกลุ่ม SME ที่มีความพร้อมสามารถนำงานวิจัยฯ ไปปรับใช้เพื่อยกระดับการผลิตและการบริหารจัดการธุรกิจ ให้มีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้เพิ่มขึ้น การส่งเสริมให้ SME นำงานวิจัยและนวัตกรรม มาพัฒนาธุรกิจ มีเป้าหมายสำคัญในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำนวัตกรรมมาพัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นสิ่งใหม่ที่แตกต่างจากสินค้าที่มีอยู่ในท้องตลาด เพื่อสร้างจุดขายให้กับผู้บริโภคใช้นวัตกรรมเป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการผลิต รวมทั้งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังนำมาต่อยอดสร้างนวัตกรรมทางการตลาดใหม่ เพื่อผสมผสาน ระหว่างการใช้เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดด
นายเดชา กล่าวว่า ตัวอย่างงานวิจัยและนวัตกรรมที่ประสบความสำเร็จ และตอบโจทย์ ทั้งผู้ประกอบการและตลาด อาทิ ผลิตภัณฑ์หลอดกินได้ ที่ผลิตจากข้าวและพืช ตอบโจทย์การรณรงค์ลดใช้พลาสติกและเป็นเทรนด์ธุรกิจที่อยู่ในความสนใจมากขึ้น ดินปลูกต้นไม้ที่ไม่ต้องรดน้ำ (Soil Moisted) ตอบโจทย์คนที่รักต้นไม้แต่ไม่ค่อยมีเวลา หรือต้องเดินทางบ่อยๆ โปรตีนจากข้าวเพื่อทดแทนเนื้อสัตว์ (Rice Protein) เข้ากับเทรนด์การบริโภคเพื่อสุขภาพ เครื่องเติมอากาศประหยัดพลังงานแบบไฮบริดจ์และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากสารสกัดกัญชา และแพลตฟอร์ม IoT อัจฉริยะเพื่อยกระดับกระบวนการผลิตอาหาร หรือ Food Factory Internet of Things Platform (FIoT)
อย่างไรก็ตาม พบว่า สัดส่วนของผู้ประกอบการไทยที่ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ยังมีเพียงร้อยละ 1 หรือมีไม่ถึง 30,000 ราย จากจำนวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยทั้งหมดที่มีอยู่กว่า 3 ล้านราย ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ประกอบการที่นำงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้สร้างธุรกิจใหม่และประสบความสำเร็จจะอยู่ในกิจการสตาร์ทอัพเท่านั้น
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังไม่สามารถเข้าถึงงานวิจัยและนวัตกรรม มาจากขาดข้อมูลการเผยแพร่องค์ความรู้ของงานวิจัย โดยเฉพาะผลงานเผยแพร่งานวิจัยใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น การศึกษาข้อมูลตัวอย่างของผู้ประกอบการต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ ฯลฯ ส่วนปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ เนื่องจากงานวิจัยหรือนวัตกรรมยังมีต้นทุนที่สูง ขณะเดียวกันยังไม่มีระบบการเชื่อมโยงกับของสถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน ที่สำคัญ ความพร้อมของจำนวนแรงงานคุณภาพที่มีทักษะด้านการใช้เทคโนโลยี และส่วนใหญ่งานวิจัยจะอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง หรือหัวเมืองใหญ่ ยังไม่กระจายตัวในระดับภูมิภาค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี