นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าการเจรจาข้อพิพาททางด่วนหรือ ค่าโง่ทางด่วน ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจเรื่องแนวทางการดำเนินการต่อขยายสัมปทานทางด่วนให้เอกชนเป็นระยะเวลา 30 ปี หรือไม่ เนื่องจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญได้มีการพิจารณาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้าและมีข้อสรุปข้อคิดเห็นว่าไม่ควรต่อขยายสัมปทานทางด่วนดังกล่าวประกอบกับเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562ที่ผ่านมา ศาลได้มีคำวินิจฉัยว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ชนะ 1 คดี ตนจึงมองว่าเป็นการขัดกับสมมุติฐานเดิมก่อนหน้าที่คาดการณ์ว่า กทพ.จะแพ้ทุกคดีที่ตัดสิน

มีรายงานแจ้งว่าก่อนหน้านี้ กทพ.มีแนวคิดที่จะมีการขยายสัมปทานทางด่วนให้ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เพื่อแลกกับการยุติข้อพิพาททั้งหมดทุกคดีในชั้นศาลแต่การตัดสินคดีในวันที่ 19 กันยายน 2562ที่ผ่านมานั้น ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2556 ที่สั่งให้ทาง กทพ.ชำระเงินค่าก่อสร้างและค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ในส่วนงานที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่ม 3 จุด เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น
382 ล้านบาท ตามคำร้องของ กทพ. ที่ได้ยื่นร้องขอให้ศาลปกครองกลางพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดดังกล่าว เนื่องจาก กทพ.เห็นว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการเป็นคำวินิจฉัยที่คาดเคลื่อนต่อข้อตกลงสัญญา ระหว่าง กทพ.และเอกชน ล่าสุดศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ

ส่วนคดีข้อพิพาทบางคดีที่กทพ.แพ้ไปล่าสุดต้องจ่ายวงเงิน 4,000 ล้านบาทนั้นก็จะต้องจ่ายเงินให้เอกชนตามที่ศาลตัดสิน แต่คาดว่าทางกระทรวงคมนาคมจะใช้เวลาพิจารณาอีก 1 เดือน เพื่อสรุปประเด็นทั้งหมดก่อนเสนอที่ประชุม ครม.ต่อไป