นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) กระทรวงพาณิย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค หรือเงินเฟ้อทั่วไป เดือนพฤศจิกายน 2562 ว่า เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ระดับ 102.61 สูงขึ้น 0.21% ปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน หลังจากชะลอตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562
โดยมีสาเหตุสำคัญจากหมวดพลังงาน ที่หดตัวในอัตราต่ำที่สุดในรอบ 4 เดือนขณะที่หมวดอื่นๆ ยังขยายตัวและเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ ซึ่งสอดคล้องกับเครื่องชี้วัดอื่นๆ ทั้งดัชนีราคาผู้ผลิต และดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเมื่อหักอาหารสดและพลังงานออกแล้วเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัวที่ 0.47%เฉลี่ย 11 เดือน เงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น 0.69% (AoA) และเงินเฟ้อพื้นฐานสูงขึ้น 0.53% (AoA)
การขยายตัวของเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่องและปรับตัวดีขึ้นในเดือนนี้ ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยด้านการบริโภคที่เพิ่มขึ้น สะท้อนจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)ที่เก็บจากการบริโภคในประเทศ ที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และการเพิ่มขึ้นของยอดการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายตัวเพิ่มขึ้นและส่งผลดี ต่อรายได้เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม อุปสงค์การลงทุน อาทิ การจำหน่ายปูนซีเมนต์ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็ก การจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง และยอดการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ยังลดลง โดยส่วนหนึ่งน่าจะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวเศรษฐกิจโลก และการชะลอการลงทุนของภาคเอกชนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งชี้ว่าสถานการณ์ด้านราคาสินค้าและบริการของประเทศยังอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพและสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของอุปทานและอุปสงค์ในตลาด โดยเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 11 เดือน (มกราคม-พฤศจิกายน) สูงขึ้น 0.69% และเงินเฟ้อพื้นฐานสูงขึ้น 0.53%
นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าโดยสารสาธารณะยังทยอยปรับขึ้นโดยบางส่วนเป็นการปรับขึ้นของค่าโดยสารรถสาธารณะในกรุงเทพฯที่ปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนต่างจังหวัดทยอยปรับขึ้น ทั้งนี้ หากภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือน่าจะส่งผลดีซึ่งในส่วนของบัตรสวัสดิแห่งรัฐ ที่มีมาตรการช่วยค่าโดยสารสาธารณะอยู่แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนมาตรการนี้ และอาจไม่ต่อให้ ทาง สนค.อยากให้ภาครัฐพิจารณาว่าจะหาทางช่วยสนับสนุนประชาชนเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ต่อไปได้อย่างไร มาตรการของรัฐที่ออกมาควรจะมีต่อเนื่องไป
สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีคาดว่า อิทธิพลของพลังงานจะลดลงค่อนข้างมากเนื่องจากราคาน้ำมันในปีนี้เริ่มใกล้เคียงกับปีก่อน ในขณะที่ราคาสินค้าและบริการอื่นๆ น่าจะยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะปกติ ยกเว้นสินค้าเกษตรซึ่งอาจมีความผันผวนอยู่บ้าง ทำให้เงินเฟ้อในเดือนธันวาคมน่าจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และทำให้เงินเฟ้อทั้งปีน่าจะอยู่ในกรอบคาดการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ที่ 0.7 – 1.0%ซึ่งปรับค่าตามจีดีพีของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ล่าสุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ระดับเงินเฟ้อมากที่สุด 0.8% แต่จะไม่ถึง 1% แน่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี