เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2563 นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงสถานการณ์ค่าเงินบาท โดยยืนยันสาเหตุของค่าบาทที่แข็งค่าขึ้นในปี 2562 ไม่ใช่การแข็งค่าเพื่อการเก็งกำไรแต่เป็นเพราะการเกินดุลของบัญชีเดินสะพัด และไทยมีการลงทุนในประเทศอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งปัญหาค่าเงินบาทเป็นอาการของปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมแก้ไข
"ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด จากการที่ประเทศไทยมีรายได้จากการส่งออกและท่องเที่ยวสูงกว่ารายจ่ายจากการนำเข้า ไม่ได้เป็นผลจากการเก็งกำไรระยะสั้นของนักลงทุนต่างชาติ สะท้อนจากตัวเลขการลงทุนของต่างชาติสุทธิทั้งปี 2019 ที่เป็นการไหลออก" นายเมธี กล่าวย้ำ
รองผู้ว่า ธปท. กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา แบงก์ชาติได้มีการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้แข็งค่าเร็วเกินไป ผ่านการเข้าไปซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และขายเงินบาท ซึ่งส่งผลให้เงินสำรองระหว่างประเทศของไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเงินทุนสำรองฯ เพิ่มขึ้นเกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้จากการค้าขายสินค้าและบริการกับต่างประเทศ โดยหากแบงก์ชาติไม่ได้เข้าไปดูแล เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เห็นในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม แบงก์ชาติเห็นว่าการที่ค่าเงินบาทแข็งค่า เป็นเพียงแค่อาการของปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ คือ การเกินดุลการค้าต่อเนื่อง และการออกไปลงทุนในต่างประเทศที่ยังมีน้อย ดังนั้น การเข้าไปดูแลค่าเงิน รวมถึงนโยบายการคลังอื่น ๆ ในระยะสั้น ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่จำเป็นในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โดยหากสังเกตประเทศอื่น ๆ ที่มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด แต่ค่าเงินไม่ได้แข็งค่าขึ้นเท่าประเทศไทย เนื่องจากมีการนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนมากขึ้น และยังช่วยลดความกดดันต่อค่าเงินได้ด้วย
ดังนั้น ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทเป็นปัญหาที่ต้องช่วยกันแก้ไขโดยทุกภาคส่วน โดยสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การเพิ่มการนำเข้าเพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือลงทุนเครื่องจักรเพื่อปรับปรุงการผลิต ซึ่งจะมีข้อได้เปรียบในช่วงที่เงินบาทมีการแข็งค่า การลดแรงซื้อบาทจากภาคส่งออก เช่น การเก็บรายได้ไว้ในบัญชีเงินตราต่างประเทศ (FCD) และการเพิ่มการลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศของนักลงทุนสถาบันที่ยังมีสัดส่วนน้อยอยู่
"ที่ผ่านมาแบงก์ชาติได้ดำเนินมาตรการเพื่อเฝ้าระวังเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น และผ่อนคลายกฎเกณฑ์กำกับดูแลกเปลี่ยนเงินเพื่อเอื้อให้การนำเงินออกไปลงทุนทำได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้แบงก์ชาติ และ ภาครัฐ ยังคงติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาท และมีการหารือร่วมกันอย่างต่อเนื่องถึงแนวทางในการช่วยลดแรงกดดันต่อค่าเงินบาท และพร้อมใช้มาตรการเพิ่มเติมหากเห็นว่าจำเป็น" รองผู้ว่าฯ ธปท.กล่าวย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี