เทคโนโลยีแทรกซึมเข้าไปสู่ชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ภาคธุรกิจต่างๆ ที่ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบเช่นกันจากปัญญาประดิษฐ์ (AI), Big Data และการวิเคราะห์ (analytics) ที่ช่วยผลักดันการตัดสินใจของผู้คนและภาคธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งมีปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนี้มากมาย
เทคโนโลยี 5G เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่โดดเด่น เพราะไม่เพียงเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานอินเตอร์เนตไร้สายเท่านั้น แต่ยังเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตที่กำลังจะแผ่ขยายไปทั่วโลก ซึ่งข้อมูลกำลังกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเศรษฐกิจใหม่ ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยความรวดเร็วและคุณภาพของการไหลของข้อมูลที่ดีขึ้น โดย 5G จะแก้ปัญหาคอขวดที่ขัดขวางการไหลของทรัพยากรข้อมูลที่จะมีปริมาณมหาศาลในศตวรรษที่ 21 นี้
ในยุค 5G เราจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเพิ่มมากขึ้นในอีก 15 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงมากกว่าที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เมื่อครั้งที่มีการเริ่มต้นใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในปี 1975 เนื่องจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถเชื่อมโยงกับ Big Data, หุ่นยนต์ และภัยคุกคามความมั่นคงปลอดภัยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
“เทคโนโลยี 5G กำลังเป็นเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (driverless cars) ระบบอัตโนมัติ ไปจนถึงเมืองแห่งอนาคต (future cities) เทคโนโลยี 5G กำลังจะเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ทรงอิทธิพลที่สุดเทคโนโลยีหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ ซึ่งเทคโนโลยี 5G ไม่เพียงแต่ทำให้มนุษย์สามารถดาวน์โหลดข้อมูลขนาดมหาศาลได้ด้วยความเร็วสูงขึ้นอย่างมากในระดับ Gbps เท่านั้น
แต่ยังทำให้อุปกรณ์และสิ่งของรอบตัวมนุษย์นับหลายพันล้านชิ้น สามารถเชื่อมโยงกันเองและเชื่อมโยงกับมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่ง จนทำให้มนุษย์สามารถทำงานแบบออนไลน์ ทุกที่ ทุกเวลา ได้แบบเรียลไทม์และมีความชาญฉลาดในการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นอย่างยิ่งจนทำให้ในทศวรรษหน้านับจากนี้ เราจะได้เห็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองและเมืองที่มีการบริหารจัดการที่ชาญฉลาด”
5G จะเปลี่ยนรูปแบบการผลิตสินค้าในภาคอุตสาหกรรมการผลิตอย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น โรงงานผลิตสินค้าแบบดั้งเดิมจะถูกพัฒนาอย่างรวดเร็วภายใน 5 ปีจากนี้ ให้กลายเป็นโรงงานอัตโนมัติ(automation) ด้วยการที่ 5Gจะไปควบคุมหุ่นยนต์ (Robot) และsensor ในโรงงาน เป็นต้น และจะเกิดขึ้นในทุกๆ อุตสาหกรรมในรูปแบบที่แตกต่างกัน จนทำให้แรงงานที่เราผลิตออกมาทำงานในรูปแบบดั้งเดิม ไม่สามารถทำงานในตำแหน่งงานรูปแบบใหม่ในอนาคตได้อีกต่อไป
ดังนั้นประเทศจึงต้องเร่งให้มีการปรับปรุงพัฒนาขีดความสามารถ (Reskill) ของแรงงานอย่างมากในทศวรรษนี้ 5Gจะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากว่าการเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ การเชื่อมต่อรถยนต์กับรถยนต์ รถยนต์กับสิ่งของ รถยนต์
กับมนุษย์ มนุษย์กับสิ่งของจะปรากฏขึ้นด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างเรียลไทม์จนทำให้ระบบเซ็นเซอร์ หรือ IoT ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้รถยนต์มองเห็นรถยนต์ และมองเห็นสิ่งรอบข้างหรือที่เรียกว่าการสื่อสารแบบ Vehicle to anything (V-to-X) ได้อย่างเหลือเชื่อ
จนคาดการณ์ว่าในปี 2035 ความชัดเจนของยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเองจะปรากฏเป็นการทั่วไป และจะนำไปสู่การเกิดเมืองอันชาญฉลาด (smart cities) เพราะเนื่องจากสรรพสิ่งต่างๆ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลและทำงานได้อย่างอัตโนมัติ เมื่อการเชื่อมต่อสิ่งต่างๆ รวมไปถึงเซ็นเซอร์เกิดขึ้นด้วยระบบ 5G ก็จะทำให้หุ่นยนต์สามารถเข้ามาแทนแรงงานในสายการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม
ส่งผลกระทบให้โรงงานทำงานแบบอัตโนมัติ ทั้งนี้เนื่องจากระบบ 5G สามารถทำให้ข้อมูลในเซ็นเซอร์และแขนกลหุ่นยนต์ทำงานร่วมกันได้ด้วยการส่งข้อมูลและคำนวณวิเคราะห์ได้อย่างเรียลไทม์ ดังนั้น 5G จะเข้ามาเปลี่ยนกระบวนการทำงาน (workflow) ในองค์กรต่างๆ รวมไปถึงระบบซัพพลายเชนต่างๆ จะมีความรวดเร็วและเปลี่ยนแปลงไปด้วยการทำงานแบบอัตโนมัติ
ดังนั้น 5G ถือได้ว่าเป็นตัวเปลี่ยนเกม (Game Changer) ในอุตสาหกรรมต่างๆ ในอนาคตอันใกล้ Virtual Reality หรือ VR และ Augmented Reality (AR) จะเป็นเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และจะมีคุณภาพดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยการหน่วงของเวลาหรือ delay ที่ต่ำมากจนทำให้การเล่นเกมปราศจากอุปสรรคการหน่วงของเวลา รวมทั้งตลาดของ VR/AR จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากอุตสาหกรรมเกม E-sports กำลังจะเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และเข้าถึงคนในยุค Gen Z และ Gen Alpha มากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอุปกรณ์สวมใส่ VR/AR กำลังจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีราคาถูกลงอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้กลายเป็นอุปกรณ์ส่วนตัว รวมไปถึงติดตั้งที่บ้านและสถานที่ต่างๆ ได้อย่างแพร่หลาย และจะทำให้ผู้สวมใส่สามารถรับชมวิดีโอคอนเทนท์ได้แบบอินเทอร์แรคทีฟด้วยประสิทธิภาพสูงอีกด้วย
“ปัจจุบันการประมูลคลื่นความถี่ 5G ได้เกิดขึ้นแล้วทั่วโลก และมีหลายๆประเทศ ได้มีการเริ่มวางโครงข่าย 5G แล้ว อย่างเช่น สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ สเปน อิตาลี ฟินแลนด์ เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ 5G จะกลายเป็นต้นเหตุประเด็นขัดแย้งระดับโลกได้ อย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกาได้ประกาศ Make America Great Again และประเทศจีนได้ประกาศที่จะเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ภายในปี 2030”
การแข่งขันในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ก็กำลังรุนแรงขึ้นในทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทของประเทศจีน เช่น ZTE และ Huawei รวมไปถึงบริษัทในค่ายยุโรป เช่น NOKIA และ Ericsson ที่ได้พยายามทุกวิถีทางที่จะครอบครองตลาดเทคโนโลยี 5G ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกา ก็มีบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ผลิตไมโครชิพเช่น บริษัท Qualcomm และ Intel เป็นต้น
ซึ่งบริษัทในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมได้พยายามอย่างมากที่จะเป็นผู้นำเพื่อที่จะกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยี 5G แห่งอนาคต และหากบริษัทจากประเทศใดสามารถที่จะกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยี 5G และได้รับการยอมรับจากตลาดในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะทำให้ประเทศนั้นสามารถกุมความชาญฉลาดของโลกได้ในที่สุด ทั้งนี้เนื่องจากเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กำลังจะมีราคาถูกมาก และมีความชาญฉลาดอย่างยิ่ง
รวมไปถึงเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดด และมีขนาดเล็กลง จนทำให้รถยนต์รวมทั้งอุปกรณ์และสิ่งของต่างๆ รอบตัวเราสามารถที่จะสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลและคำนวณวิเคราะห์จนเกิดความชาญฉลาดในการทำงานอัตโนมัติได้นั่นเอง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี 5G กำลังมีผลกระทบ ภายในทศวรรษต่อจากนี้อย่างกว้างขวางในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่อยู่บนไซเบอร์ (deep blue ocean of the cyber domain)
ความโดดเด่นของคุณสมบัติในด้านความเชื่อถือได้สูงและความหน่วงเวลาที่ต่ำมาก จึงทำให้เทคโนโลยี 5G แตกต่างจากเทคโนโลยีการสื่อสารอื่นๆ ทั้งสิ้น โดยความหน่วงเวลามีการพัฒนาที่ดีขึ้นหลายเท่าตัวจากเครือข่าย 4G จนทำให้การเชื่อมต่อกับอากาศยานไร้คนขับ หรือ โดรน(Drone) มีประสิทธิภาพที่ก้าวกระโดด จนไม่ใช่เป็นเพียงของเล่นอีกต่อไป เนื่องจากโดรนสามารถที่จะแพร่ภาพจากระยะความสูงที่สูงมาก
สามารถขนย้ายสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การแพทย์ฉุกเฉิน ไปจนถึงการบริหารจัดการด้านการเกษตร หรือแม้แต่เป็นขีปนาวุธได้ เป็นต้น IDC ได้คาดการณ์ว่าการให้บริการ 5G จะเริ่มต้นขึ้นอย่างชัดเจนทั่วโลกในต้นปี 2019 และจะแพร่หลายอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2021 ถึง 2023 และเทคโนโลยี 5G จะเป็นเทคโนโลยีหลักที่สามารถขจัดอุปสรรคในด้านการสื่อสารต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
และจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการประยุกต์ใช้ในธุรกิจทุกธุรกิจ ภายในปี 2025 Goldman Sachsคาดการณ์ไว้ว่า ตลาดของ AR/VRจะมีมูลค่าถึง 1.82 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ นั่นหมายความว่าอุตสาหกรรม AR/VR จะใหญ่กว่าอุตสาหกรรม TV และมีการคาดการณ์จาก Huawei ด้วยว่า การใช้โดรนจะมีมูลค่าในตลาดสูงกว่าในวันนี้ถึงสองเท่าซึ่งสูงกว่า 2.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2020
ได้มีการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญของ ABI Research ว่าประเทศจีนจะเป็นผู้นำการในระบบนิเวศ 5G เป็นอันดับหนึ่งของโลกเร็วๆ นี้ ถึงแม้ว่าประเทศจีนไม่ใช่ประเทศที่มีการวางโครงข่าย5G เป็นประเทศแรกของโลกก็ตาม โดยประเทศจีนได้วางแผน 13th Five-Year Plan และแผนยุทธศาสตร์ Made in China 2025 เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศจีนให้สามารถประยุกต์ใช้งาน AR/VR ในทุกอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ เพราะเทคโนโลยีดังกล่าวจะทำให้ประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ก้าวกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น ต่างก็พยายามช่วงชิงความได้เปรียบในการวางโครงข่าย 5G เป็นประเทศแรกๆ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าระบบ 5G จะสร้างอุตสาหกรรมใหม่ และจะทำให้กระตุ้นเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่น และจะมีผลต่อการต่อรองอำนาจทางการทหารและข้อมูลข่าวสารของโลกในยุคต่อไป
“เนื่องจากระบบ 5G ถูกวางมาตรฐานเพื่อการประยุกต์ใช้ในทุกอุตสาหกรรม จึงทำให้ผู้บริหารในทุกอุตสาหกรรมต้องรู้วิธีการในการร่วมมือกันอย่างประสานสอดคล้องเพื่อใช้ระบบ 5G อย่างเต็มศักยภาพ และที่สำคัญความมั่นคงปลอดภัยทางด้านไซเบอร์กลายเป็นประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่งในทุกอุตสาหกรรมเมื่อโลกได้ถูกเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะหากมีการเข้าโจมตีระบบรถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง รวมไปถึงระบบการสาธารณสุข ซึ่งมีข้อมูลความเป็นส่วนตัวของประชาชน จึงถือว่าเป็นเรื่องที่อ่อนไหวเป็นอย่างยิ่ง”
มีการคาดการณ์จาก OVUMว่าในช่วงปี 2025 เทคโนโลยี 5G จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมต่างๆ มากที่สุด โดย 57% ของรายได้ในธุรกิจสื่อจะอยู่บนระบบ 5G โดยการใช้ข้อมูลต่อหนึ่งผู้ใช้งานในระบบ 5G จะเติบโตสูงขึ้นจาก 11.7 กิกะไบต์ ในปี 2019 เพิ่มเป็น 84.4 กิกะไบต์ต่อเดือนในปี 2028 และการใช้วีดีโอจะมีมากถึง 90% ของใช้การใช้งานสื่อทั้งหมดบน 5G ยิ่งไปกว่านั้น OVUM ยังคาดการณ์ด้วยว่าการใช้งานสื่อใหม่ในรูปแบบ AR/VR บน 5G ที่ในปัจจุบันยังไม่ปรากฏเป็นที่ชัดเจน แต่จะเกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดดภายในปี 2028
โดยคาดการณ์รายได้ในอุตสาหกรรมสื่อใหม่บน 5G (เพลงในรูปแบบวิดีโอและเกม) จะเกิดขึ้นทั่วโลกมากกว่า 67 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม “ในยุคที่เครื่องจักรอัจฉริยะเป็นเหมือนฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มนุษย์เราจึงควรสร้างงานที่ยากต่อการแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติได้ นั่นก็คืองานการดูแลและการให้บริการ” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสร้างในสังคมมนุษย์ อย่างเช่น งานที่ต้องอาศัยอารมณ์ ความรู้สึก ความรัก การสร้างสรรค์ และความเห็นอกเห็นใจ หรืองานประเภทที่ต้องใช้ใจสื่อสารกับผู้คน และมนุษย์เองก็ต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน
หากเราเชื่อว่าชีวิตเรามีความหมายมากกว่าการทำงานที่แก่งแย่งแข่งขันกันตลอดเวลาแล้วล่ะก็ เทคโนโลยีก็อาจเป็นเพียงแค่เครื่องมือที่เข้ามาช่วยมนุษย์เราได้นั่นเอง!!!
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย
และรองประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม
และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี