ยุติศึกข้ามปีคดีพิพาทโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ศาลปกครองสูงสุด พิพากษายกคำร้องกลุ่มเอ็นซีพี ที่ขอให้ศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ กรณีไม่รับซองเอกสารที่ 2 เพื่อร่วมลงทุนโครงการนี้ ในส่วนของท่าเทียบเรือ F
รายงานข่าวจากศาลปกครองสูงสุด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาออกมา ยกคำร้องของ กลุ่มเอ็นซีพี ที่ขอให้ศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนพัฒนาแหลมฉบังเฟส 3 ที่ไม่รับซองเอกสาร ที่ 2 เพื่อร่วมลงทุน ในโครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ของกลุ่มเอ็นซีพี
ก่อนหน้านี้ กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี ซึ่งประกอบด้วย บริษัท นทลิน จำกัด , พรีมา มารีน , แอสโซซิเอท อินฟีนิตี้ , พีเอชเอส ออร์แกนิค ฮีลลิ่ง และ ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรัคชั่น ไม่ลงชื่อในสัญญากิจการร่วมค้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารซองที่ 2 ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้เสนอตัวร่วมลงทุน จึงถูกคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนพัฒนาแหลมฉบังเฟส 3 ประเมินว่า ไม่ผ่านการพิจารณา เพราะเอกสารไม่ครบถ้วน
โดยการเสนอร่วมลงทุนในโครงการนี้ มีเอกชน 2 กลุ่มเสนอตัวเข้าร่วมลงทุน เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2562 ดังนั้น เมื่อกลุ่มเอ็นซีพี ขาดคุณสมบัติในการเข้าร่วม จึงทำให้มีผู้ผ่านเข้าสู่การพิจาiณาเพียง 1 ราย คือ กลุ่มกิจการร่วมค้าจีพีซี ซึ่งประกอบด้วย กัลฟ์ , พีพีที แทงก์เทอร์มินัล และ ไชน่า ฮาร์เบอร์ เอนจิเนียริ่ง อย่างไรก็ตาม กลุ่มเอ็นซีพี ไม่ยอมรับผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ และใช้สิทธิร้องเรียนในหลายช่องทาง ได้แก่ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง ของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) , สำนักงานอัยการสูงสุด , ผู้ตรวจการแผ่นดิน , ศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุด
รายงานข่าว กล่าวว่า ผลคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ถือเป็นช้อยุติ และช่วยให้โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟสที่ 3 สามารถเดินหน้าโครงการต่อไปได้ หลังจากการพัฒนาล่าช้ากว่าแผนเดิมที่กำหนดไว้ อันเนื่องมาจากการยื่นเรื่องร้องเรียนเพื่อให้กรรมการคัดเลือกคืนสิทธิ์การประมูลของเอกชนกลุ่มที่ไม่ผ่านเงื่อนไขด้านคุณสมบัติ
ก่อนหน้านี้ ผู้บริหารของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้ออกมาระบุว่า โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 จะสนับสนุนการยกระดับประเทศไทย สู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรองรับการขยายตัวของตู้สินค้า และส่งเสริมการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ถือเป็นหนึ่งในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
โครงการนี้ มีมูลค่าการลงทุนเบื้องต้นสูงถึง 155,834 ล้านบาท วางเป้าหมายไว้ว่าจะสามารถเปิดดำเนินการอย่างช้าภายใน ปี พ.ศ.2568 ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อด้านเศรษฐกิจ ในแง่เป็นโอกาสสร้างรายได้ และการมีงานทำมากขึ้น โดยรูปแบบการลงทุน เปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public Private Partnership : PPP)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี