นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการส่งออกของไทยว่า สามารถขยายตัวได้แม้จะยังอยู่ในช่วงแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และสงครามน้ำมัน และหากเทียบกับประเทศต่างๆ ในโลก ถือว่าการส่งออกไทยสามารถพยุงตัวได้เป็นอย่างดี โดยสินค้าเกษตรอาหารและข้าวกลับมาเป็นดาวเด่นอีกครั้ง เพราะขยายตัวที่ร้อยละ 4 และ 23.1 ตามลำดับ ในขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม ถ้าหากหักทองคำออกก็จะมีสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ไปได้ดี โดยในขณะนี้มีคำสั่งซื้อสินค้าไทยหลายประเภทรออยู่ที่ต่างประเทศแต่ติดปัญหาด้านการขนส่งระหว่างประเทศ ที่หากแก้ไขได้ก็จะช่วยผลักดันให้การส่งออกไทยในช่วงต่อๆ ไปดีขึ้น
ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การส่งออกในเดือนมีนาคม 2563 พบว่า มีมูลค่ากลับมาขยายตัวร้อยละ 4.17 จากเดือนกุมภาพันธ์ ที่ติดลบถึงร้อยละ 4.47 ส่วนการส่งออกเดือนเมษายน 2563 สามารถขยายตัวที่ร้อยละ 2.12
นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวว่า ขณะนี้สินค้าไทยยังมีอุปสงค์อยู่มากในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มที่ตอบรับโจทย์ฐานวิถีชีวิตใหม่ หรือนิวนอร์มอล (New Normal) ที่การใช้ชีวิตและการทำงานของคนจะเปลี่ยนไปหลังโควิด เช่น อาหารสำเร็จรูปจะขายดียิ่งขึ้น อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สินค้าไอที และสินค้าที่เกี่ยวเนื่องต่างๆ จะมารองรับการทำงานที่บ้าน ซึ่งประเทศไทยควรเร่งทำตลาดในช่วงนี้ให้ลูกค้าติดใจมากขึ้น ตัวอย่างที่เห็นเร็วๆ นี้ เช่น การจัดงานชิมผลไม้ไทยในจีน ฮ่องกง และเกาหลี ที่ทูตพาณิชย์ในพื้นที่จัดพบว่าคนสนใจมาร่วมงานและสั่งซื้ออย่างมาก นอกจากนี้การสั่งซื้อของออนไลน์ก็เป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่กระทรวงพาณิชย์กำลังผลักดันในทุกๆ ด้าน โดยเป็นนโยบายหลักในช่วงถัดไปของรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์สนค. จึงมั่นใจว่า หากปัญหาด้านการขนส่งต่างๆ คลี่คลายไปก็จะมีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยกลับมาฟื้นตัวได้อย่างเร็ว และมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2563
นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวถึงอุปสรรคด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ว่า ที่ผ่านมา หน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ ได้ร่วมมือกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ มาเป็นระยะ อาทิ ได้หารือกับประเทศเพื่อนบ้านและจัดทำพิธีสารในการเปิดด่านให้สินค้าจากไทยผ่านลาวและเวียดนามไปยังจีนได้เพิ่มขึ้น
โดยด่านทางบกที่เปิดเพิ่มมี 2 ด่าน คือ 1.ด่านตงซิง (Dongxing) เมืองฝางเฉิงก่าง (ทางรถ) และ 2.ด่านรถไฟผิงเสียง
(ทางราง) ทั้งนี้ ด่านรถไฟผิงเสียง มีปัญหาเล็กน้อยในเรื่องเที่ยวรถน้อย ไม่เพียงพอกับความต้องการ และด่านโหยวอี้กวน ที่ผิงเสียงติดกับเวียดนาม เริ่มลดความแออัดลงแล้ว อย่างไรก็ตามการขนส่งทางบกไปจีนยังมีปัญหาอื่นๆ ที่ต้องแก้ไขต่อไป ทั้งเรื่องมาตรการกำกับดูแลพนักงานขับรถบรรทุกที่ประเทศต่างๆ อาจมีความเข้มงวดต่างกัน การเปิด-ปิดพรมแดนที่แต่ละประเทศอาจมีเวลาหรือมาตรการไม่เหมือนกัน และปัญหาในทางปฏิบัติอื่น ฯลฯ
สำหรับการขนส่งทางอากาศ ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องประเทศต่างๆ ระงับหรือชะลอการบินเข้า-ออกประเทศ ทำให้มีเที่ยวบินที่ขนส่งสินค้าลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ราคาค่าขนส่งคาร์โก (cargo) เพิ่มขึ้น อีกทั้งนักบินยังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการกักตัวจึงทำให้เที่ยวบินไม่สะดวกราบรื่น ซึ่งในจุดนี้ หน่วยงานราชการได้ซักซ้อมความเข้าใจระหว่างกันเรียบร้อยแล้วว่า นักบินขนส่งสินค้าสามารถบินเข้า-ออกได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน หากมีกำหนดตารางเวลาการบินเข้า-ออกที่ชัดเจน มีเอกสารรับรองการตรวจสุขภาพ และพักอยู่ในสถานที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น
สำหรับเรื่องการขนส่งสินค้าทางเครื่องบินเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้หลายสายการบิน รวมถึงการบินไทยได้ปรับเครื่องบินโดยสารมาเป็นการขนส่งสินค้าแล้ว
ด้านการขนส่งทางเรือ/ทะเล พบว่า ตรงจุดนี้ปัญหาในช่วงต้นๆ เป็นเรื่องของการดูแลการปลอดเชื้อของตู้ขนส่งคอนเทนเนอร์และเรือเดินสมุทรที่ขนส่งสินค้า เพื่อไม่ให้สินค้าได้รับเชื้อ (contamination) แต่ในขณะนี้ปัญหาตรงนี้คลี่คลายไปมากแล้ว โดยจุดที่ยังต้องหาทางบรรเทาต่อไปคือ ประเด็นที่ปริมาณการค้าระหว่างประเทศลดลงไปอย่างมาก จากอุปสงค์ที่ลดลงในทุกประเทศจากโควิดและการล็อกดาวน์ทำให้การขนส่งทางเรือ/ทะเลมีปริมาณลดลงค่าระวางจึงแพงขึ้นเพราะตู้ว่าง ซึ่งผู้ประกอบการขนส่งทางทะเลได้แก้ไขเบื้องต้นโดยการลดจำนวนตู้และเที่ยวเรือลง ทำให้สามารถส่งออกไปได้น้อย ซึ่งหากอุปสงค์กลับมามีมากขึ้นก็น่าจะทำให้เที่ยวเรือและจำนวนตู้กลับมาในระดับใกล้ปกติต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี