นายสมประวิณ มันประเสิรฐ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน วิจัยกรุงศรียังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะติดลบ 5% ในปี 2563 มีความเป็นไปได้มากที่เศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัวในรูปแบบตัวยู (U-shaped Recovery) และอาจต้องใช้เวลาถึง 2 ปีครึ่งกว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดได้ในไตรมาสที่ 4/2565 โดยแต่ละอุตสาหกรรมจะใช้เวลาฟื้นตัวไม่เท่ากันขณะที่ภาคธุรกิจต่างๆ จะเริ่มปรับตัวรับเทรนด์ใหม่ๆ ที่จะชัดเจนมากขึ้นในปี 2564
ผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ไม่เพียงส่งผลต่อการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงนี้ แต่ยังส่งผลในระยะปานกลางและระยะยาวจาก 4 ปัจจัยหลักคือ การปิดการดำเนินงานของภาคธุรกิจจากมาตรการล็อกดาวน์ การปรับตัวลดลงของอุปสงค์โดยรวม การชะงักงันของระบบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค
ปัจจัยทั้ง 4 จะเป็นตัวกำหนดรูปแบบ
การฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ซึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์จะมีการหดตัวมากในช่วงนี้แต่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าธุรกิจอื่นโดยเปรียบเทียบ ขณะที่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคจะใช้เวลายาวนานกว่าในการปรับตัว มาตรการช่วยเหลือในด้านต่างๆ และวิธีการปรับตัวของธุรกิจที่ได้รับผลกระทบในแต่ละกลุ่มจึงควรมีรูปแบบที่แตกต่างกันตามลักษณะการฟื้นตัวของธุรกิจ
จากการวิเคราะห์ผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆพบว่า ภาคธุรกิจ 26 ประเภทจากทั้งหมด 60 ประเภท หรือคิดเป็น 46% ของผลผลิตทั้งหมด ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤติไวรัสโควิด-19 ขณะที่ธุรกิจ 24 ประเภทหรือคิดเป็น 43.1% ของผลผลิตทั้งหมดได้รับผลกระทบปานกลาง และมีภาคธุรกิจเพียง 10 ประเภท หรือคิดเป็น 10.9% ของผลผลิตทั้งหมด ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มองว่าธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจด้านการผลิตอาหารมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดได้ในปี 2564 ขณะที่ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่งพลังงานไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ จะได้รับผลกระทบอย่างหนักแต่จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ ส่วนภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ อาทิ การขนส่งทางอากาศ และอุตสาหกรรมการบริการ จะใช้เวลาฟื้นตัวยาวนานกว่ากลุ่มอื่นๆ โดยภาคการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ขณะที่ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสัมผัสทางกายหรือการรวมตัวกันในที่สาธารณะจะใช้เวลาในการฟื้นตัวยาวนานกว่ากลุ่มอื่นๆ เช่นกัน
โดยภาพรวม อุตสาหกรรมเกือบทุกกลุ่มจะไม่สามารถฟื้นตัวไปอยู่ที่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดได้ในปี 2564 แม้ว่าประเทศไทยจะมีศักยภาพในการจัดการด้านระบบสาธารณสุขได้เป็นอย่างดีและทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกยังได้รับผลกระทบอย่างหนักและเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก เราคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะแตะระดับต่ำสุดในไตรมาส 2 แต่การถดถอยของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลต่อเนื่องยาวนานไปจนถึงปีหน้า
“สำหรับประเทศไทย คาดว่าเม็ดเงินจากมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจะเข้าสู่ระบบมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งจะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ แต่ยังต้องติดตามความชัดเจนของมาตรการต่างๆ ในเรื่องประสิทธิภาพการฟื้นฟูเศรษฐกิจว่าจะสามารถทำให้เกิดการจ้างงานเพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบ ช่วยหนุนภาคครัวเรือนให้มีรายได้เพียงพอต่อการชำระหนี้ลดความเสี่ยงแก่ภาคการเงิน และมีมาตรการที่เหมาะกับรูปแบบการฟื้นตัวในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมมากเพียงใด” นายสมประวิณ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี