nn คงไม่มีใครสงสัยแล้วว่า...พรรคเพื่อไทย...ไม่ได้ทำการบ้านมาอย่างดีและรอบด้านก่อนที่จะหาเสียงว่าจะแจกเงินประชาชนกว่า 50 ล้านคนผ่านโครงการ “ดิจิทัล วอลเล็ต 5 แสนล้านบาท”....เพราะพิสูจน์แล้วว่าแม้แต่เรื่องที่มาของเงินก็พลิกซ้ายพลิกขวากัน 4-5 ตลบ...แม้ว่าวันที่ 10 เมษายน 2567 คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง...นำทีมมาแถลงความคืบหน้าของโครงการ “ดิจิทัล วอลเล็ต5 แสนล้านบาท”…โดยเฉพาะความชัดเจนเรื่องแหล่งที่มาของเงินที่จะมาใช้ในโครงการนี้...คือจะมาจาก 3 แหล่ง คืองบประมาณรายจ่ายปี 2567, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) และเงินงบประมาณปี 2568
เอาแค่ประเด็นแหล่งที่มาของเงินก่อนนะ...ก้อนแรกคือการบริหารจัดการเงินงบประมาณ 2567 วงเงิน 1.75 แสนล้านบาท....แน่นอนว่ารัฐบาลเปิดช่องให้ออกงบเพิ่มเติม ซึ่งก็จะกู้เงินเพิ่มเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ประมาณ 1 แสนล้านบาท...อีกส่วนหนึ่งก็จะตัดมาจากงบกลาง ซึ่งสภาฯก็อนุมัติไว้ให้ ประมาณ 9.8 หมื่นล้านบาท...แต่จะเอามาใช้ทั้งก้อนไม่ได้แน่นอน ที่เหลือก็ต้องไปเกลี่ยงบจากกระทรวงอื่นมาซึ่งก็แน่นอนว่าทำไม่ได้ง่ายๆ เพราะพรรคร่วมรัฐบาลอื่นเขาจะยอมหรือที่ถูกตัดงบ แม้ว่าจะไปตัดงบพรรคตัวเอง รมต.เจ้ากระทรวงเขาจะยอมหรือไง....ส่วนจะใช้งบกลาง...ก็ต้องอธิบายให้ได้ด้วยว่ามัน“ฉุกเฉินและจำเป็น”...อย่างที่กฎหมายระบุไว้หรือไม่???
ก้อนที่สองคือ งบประมาณปี 2568 ซึ่งก็เตรียมไว้ 1.52 แสนล้านบาท ซึ่งก้อนนี้มันก็ยากที่จะไปเกลี่ยงบจากส่วนต่างผลที่เกิดขึ้นก็คือ ร่างงบประมาณร่างแรกที่ควรออกมามันยังไม่ออกมา เพราะต้องไปทำการบ้านเพื่อโครงการดิจิทัล วอลเล็ตให้ตกผลึกเสียก่อน...
ก้อนที่สามคือ เป็นเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งจะดูแลเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ 17 ล้านคนตามมาตรา 28 ของปีงบประมาณ 2568 จำนวน 172,300 ล้านบาท...ประเด็นนี้ก็ไม่ง่ายเลย...เพราะมีมาตรา 9 (3) ในพ.ร.บ.จัดตั้ง ธ.ก.ส. กำหนดไว้อยู่ ซึ่งหากจะทำได้ก็ต้องพลิกแพลงเพื่อจะพยายามตีความกันหลายตลบอีกเช่นกันเพื่อให้สามารถใช้ช่องทางนี้ได้...
เอาล่ะ...เห็นที่มาของเงินแล้ว...แปลความว่าจบแล้วหรือไม่...อันนี้ก็แล้วแต่ใครจะตีความ...แต่สำหรับ..เศรษฐศาสตร์วันหยุด...มองว่ามันจะต้องคำนึงถึงผลที่จะตามมา
ต่อจากนี้...อันแรกคือการสร้างการขาดดุลงบประมาณ...มันก็ใกล้จะเต็มเพดานในปีงบประมาณปี 2568-69...แล้วหนี้สาธารณะ ก็จะพุ่งขึ้นไปเกือบชนเพดานที่ 70% ต่อจีดีพี (67% ในปีงบประมาณ 2568)...ที่สำคัญคือภาระการจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นมันจะพุ่งไปถึง 15% ของรายได้...ซึ่งก็จะสร้างข้อจำกัดในการใช้เงินงบประมาณที่จะไปบริหารประเทศในด้านต่างๆ
วันนี้เอาประเด็นนี้ก่อนแล้วกัน วันหน้าจะมาขยายความในประเด็นอื่นๆ อีก โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า...สุดท้ายแล้วเงินภาษีของประชาชนจะไหลเข้ากระเป๋าใครกันแน่...nn
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี