นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่าศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรในเดือนกรกฎาคม 2563 โดยสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาอยู่ที่ 15,629-15,811 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น 0.41-1.31% เนื่องจากสต๊อกข้าวเหนียวของผู้ประกอบการน้อยลง จึงมีความต้องการรับซื้อเพิ่มขึ้น น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาอยู่ที่ 12.11-12.23 เซนต์/ปอนด์ (8.30-8.38 บาท/กก.) เพิ่มขึ้น 0.50-1.50% จากแรงหนุนของทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลดีต่อราคาเอทานอล ประกอบกับเงินเรียลของบราซิล ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ความสามารถในการส่งออกน้ำตาลของบราซิลลดลง จึงเป็นแรงกระตุ้นให้โรงงานน้ำตาลของบราซิลเพิ่มสัดส่วนการนำอ้อยไปผลิตเอทานอลมากกว่าน้ำตาล
ยางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 36.96- 37.20 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 0.35-1.00% เนื่องจากความต้องการใช้น้ำยางข้น ของผู้ประกอบการทั้งภายในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อนำไปผลิตถุงมือแพทย์ถุงยางอนามัยและยางยืด ประกอบกับได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการที่หลายๆ ประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และแนวโน้มราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางพาราธรรมชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ปาล์มน้ำมัน ราคาอยู่ที่ราคา 3.18-3.25 บาท/กก.เพิ่มขึ้น 0.32-2.6% เนื่องจากมาตรการคลายล็อกดาวน์และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีทิศทางสูงขึ้นเป็นปัจจัยบวกต่อความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลในภาคการขนส่ง รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคและใช้ในภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศที่เริ่มกลับเข้าสู่ระดับปกติ
สุกร ราคาอยู่ที่ 68.41-69.28 บาท/กก. เพิ่มขึ้น1.54-2.84% เนื่องจากภาครัฐมีมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ และการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2563 จะส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรภายในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประกอบกับประเทศจีนและเวียดนามประสบปัญหาการระบาดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร จึงต้องการเนื้อสุกรจากไทยเพิ่มขึ้น และกุ้งขาวแวนนาไม ขนาด 70 ตัว/กก. ราคาอยู่ที่147.00-148.00 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 0.68-1.37% เนื่องจากภาครัฐมีมาตรการคลายล็อกดาวน์และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ส่งผลให้ความต้องการกุ้งเพิ่มขึ้น
สินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวลดลงได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาอยู่ที่ 8,772 - 8,889 บาท/ตัน ลดลง 2.11 - 3.40% เนื่องจากกำลังซื้อของประเทศผู้นำเข้าข้าวลดลงจากผลกระทบทางเศรษฐกิจของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ประกอบกับค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งขึ้น เมื่อเทียบกับประเทศผู้ส่งออกรายอื่น ทำให้ราคาส่งออกข้าวไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่งขัน ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอยู่ที่14,181-14,565 บาท/ตัน ลดลง 0.54-3.16% เนื่องจากประเทศผู้นำเข้า อาทิ สหรัฐอเมริกา นำเข้าข้าวหอมมะลิปริมาณมากในช่วงที่ผ่านมา จึงเริ่มชะลอการรับมอบข้าวเพราะมีสต๊อกข้าวเพียงพอแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี