"พุทธิพงษ์"รับปรับครม.เป็นอำนาจการตัดสินใจ"บิ้กตู่" ลั่นถ้าได้รับโอกาสยังทำงานต่อ ชี้1ปีประเมินตัวเองไม่ได้ เตรียมชงครม.ควบรวม"ทีโอที-กสทฯ"เลื่อนอีก6เดือน อ้างติดโควิด "กสทช."ระบุยุบทีโอที-กสทฯเจอโจทย์หิน กฎหมายไม่รองรับ โอนสิทธิ์ใบอนุญาตคลื่นประมูล5G หวั่นประกอบธุรกิจไม่ได้
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2563 นายพุทธิพงษ์ ปุณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเรื่องการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี แต่ถ้าได้รับโอกาสผมก็ยินดีทำงานต่อไป ถ้ายังได้ไปต่อก็ทำหน้าที่ต่อไป แต่ถ้าไม่ได้อยู่ต่อก็ไม่รู้สึกเสียใจ การทำงานในฐานะ รมว.ดีอีเอส ที่ผ่านมาไม่เคยโทษข้าราชการ ไม่โทษกระทรวงดีอีเอส ผมพูดเสมอว่าใช้ผมให้เป็นประโยชน์ ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ผมประเมินตัวเองไม่ได้ ส่วนผลงานที่รู้สึกภูมิใจในการเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา คือเรื่อง 1.การควบรวม บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ ทีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ได้สำเร็จ ซึ่งภายในเดือนกรกฏาคมนี้ เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอขยายเวลาการควบรวม เพื่อจัดตั้งบริษัท NT ออกไปอีก 6 เดือน
"ถามว่าติดปัญหาอะไร การควบรวมหากทำเร็วแล้วไม่ดี ก็ไม่ควรตั้ง การขยายเวลาออกไปอีก 6 เดือน เนื่องจากมีปัญหาและอุปสรรค ในช่วงที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์โควิด การจ้างที่ปรึกษา มีบริษัทจากต่างประเทศที่ต้องเข้ามาเจรจา และมีแผนธุรกิจที่จะต้องเข้ามาวิเคราะห์จึงไม่สามารถทำอะไรได้ และการควบรวมจะต้องแจ้งเจ้าหนี้เพื่อให้รับทราบ ขณะเดียวกันกฏหมายซึ่งนี่เป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีเรื่องของพ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจเข้ามากระบวนการต่างๆ จะต้องผ่านขั้นตอนทั้งหมด ทำให้การประชุมทั้งหมดหยุด และปัญหาด้านเทคนิค"
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ในช่วง 6 เดือน โครงสร้างต่างๆ ของบริษัท NT ทั้งเรื่องธุรกิจ และการจัดตั้งคณะกรรมการ จะมีไทม์ไลน์ออกมาให้เห็นชัด วิธีคัดเลือกหน่วยงาน ทั้ง ทีโอที และกสทฯ มีจุดแข็งที่ต่างกัน วิธีการบริหารการจัดการ พยายามทำให้ทีโอที เป็นบริษัท แม่ เป็นโฮลดิ้ง คัมปะนี ซึ่งในอนาคตจะแยกบริษัทมีประมาณ 4-5 บริษัท เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับ ทีโอทีและกสทฯ
แหล่งข่าวระดับสูงจาก บมจ.ทีโอที เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้การประชุม ครม.เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2563 มีมติให้เริ่มควบรวมให้เสร็จภายใน 6 เดือน โดยบริษัท NT จะมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด ซึ่งผ่านไป 6 เดือน ตั้งแต่เดือน มิ.ย.63 ก็ยังไม่สามารถจัดตั้งบริษัทได้ เนื่องจากติดปัญหาทั้งทีโอที และ กสทฯ ไม่อยากนำทรัพย์สินมารวมกัน เพราะการควบรวมทั้ง 2 บริษัท หมายถึงการรวม 2 บริษัท ที่มีทรัพย์สินรายละกว่า 1.4 แสนล้านบาท เข้าด้วยกัน แต่ละฝั่งก็ยังมีข้อพิพาทที่มีทั้งระหว่างกันและกับเอกชนภายนอก โดยทีโอทีเป็นจำเลยในคดีสำคัญมีมูลค่ารวมราว 3 หมื่นล้านบาท ส่วนแคทมีคดีที่ตกเป็นจำเลย มูลค่าคดีราว 4 หมื่นล้านบาท รวมถึงการต้องรักษาสถานะการจ้างงานของพนักงานทั้งหมดกว่า 2.4 หมื่นคน แบ่งเป็น ทีโอที 1.9 หมื่นคน และแคท 4 พันคน ก็เป็นความทาทายที่จะขับเคลื่อน NT ต่อไปอย่างไร
แหล่งข่าวระดับสูงจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ปัญหาการควบรวม ทีโอทีและกสทฯ จะเป็นเรื่องใหญ่มากในเรื่องของการใบอนุญาต (ไลเซ่นส์) คลื่นความถี่ 5G ที่ทีโอทีได้ไลเซ่นส์ 5G ย่านความถี่ 26.4 - 26.8GHz.จำนวน 4 ใบ และ กสทฯ ได้ไลเซ่นส์ 5G ย่านความถี่ 700 MHz ใบจำนวน 2 ซึ่งกรณีนี้ กสทช.ยังไม่มีการออกประกาศเรื่องกฏหมายการควบรวมธุรกิจ จึงทำให้ไม่สามารถโอนย้ายไลเซ่นส์ที่เป็นคลื่นความถี่ได้
"ทีโอที และ กสทฯ เจอโจทย์นี้ การโอนอะไรที่ไม่ใช่คลื่นจะไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับคลื่นความถี่เป็นปัญหาใหญ่แน่นอน เนื่องจาก กสทช.ยังไม่มีการออกประกาศหรือกฏหมายเกี่ยวกับการออกไลเซ่นส์หลังการควบรวมกิจการ ซึ่งปัญหานี้ ทรูมูฟฯ กำลังจะเป็นเคสตัวอย่าง หลังจากที่ เรียลมูฟ และทรูมูฟเอช รวมธุรกิจกัน การโอนคลื่นความถี่ไม่สามารถโอนกันได้ ทรู มูฟ ไม่ได้รับการจัดสรรมา แทน เรียลมูฟ ที่ขอใช้บริการ MVNO จาก กสทฯ เนื่องจากคลื่นความถี่ย่าน 850 MHz เป็นของ กสทฯ ดังนั้น ทรู มูฟ ไม่มีสิทธิในการบริหารจัดการคลื่นความถี่ของ บมจ.กสทฯ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน และการรวมธุรกิจทำให้ทรัพย์สินและหนีสิ้นทั้งหมด รวมไปถึงสิทธิต่างๆ ของบริษัท เรียล มูฟฯ จะต้องหมดไปด้วยเช่นกัน"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี