นายเชิ้ท คว้อนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บันยัน ไทยแลนด์ กรุ๊ป บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจใประเทศไทย ในส่วนของภาคการท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการล็อกดาวน์ประเทศ แต่ภายหลังจากการปลดล็อกทำให้หัวหิน มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้สถิติในปี 2562 ที่ผ่านมาพบว่า หัวหินเป็นตลาดที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวมากถึง 74%

นอกจากนี้จากการที่ภาครัฐได้มีการลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมายัง หัวหิน เช่น การขยายถนนจะแล้วเสร็จในปี 2565 มีการสร้างระบบรถไฟรางคู่ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีเดียวกัน และการขยายสนามบินนานาชาติมูลค่า 350 ล้านบาทจะเสร็จสิ้นภายในปี 2566 เพื่อให้สายการบินในภูมิภาคสามารถบินตรงสู่หัวหินได้ ซึ่งส่งผลให้เพิ่มความน่าสนใจให้กับ
นักท่องเที่ยวเดินทางมายังหัวหิน เนื่องจากตระหนักถึงศักยภาพในฐานะริเวียร่าของประเทศไทยมากขึ้น

“หัวหินเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ไกลจาก กทม. ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่แล้วมีความสงบ มีความเป็นธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อนในช่วงวันหยุด และเหมาะกับการเป็นบ้านหลังที่สองเพื่อการอยู่อาศัย ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว จากศักยภาพและความสามารถในการขับเคลื่อนที่ดึงดูดตลาดในประเทศเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ระดับราคาที่ดินโดยเฉลี่ยมีอัตราการปรับตัวเพิ่มขึ้น 150% โดยมีระดับราคาที่ดินอยู่ที่ 14.4 ล้านบาทต่อไร่ เปรียบเทียบจากเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา”นายเชิ้ท กล่าว

ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบันยัน บริษัทได้มีการปรับโมเดลธุรกิจ จากรีสอร์ทสู่การเป็นเรสซิเดนซ์ให้เช่าแบบระยะยาว เจาะกลุ่มชาวต่างและชาวไทย ล่าสุดเพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บริษัทจึงได้เตรียมจัดงาน Open Hose ครั้งที่ 2 ในวันที่ 11-13 สิงหาคม นี้ด้วย

สำหรับโครงการบันยัน ไทยแลนด์ มีการพัฒนาบนพื้นที่รวมกว่า 600 ไร่ ที่หัวหิน นอกจากนี้ มีโครงการ บันยัน เรสซิเดนซ์
วิลล่า หัวหิน เป็น ลักชัวรี่วิลล่า มูลค่า 4,000 ล้านบาท พัฒนาบนพื้นที่ 94 ไร่ จำนวน 102 ยูนิตสำหรับขาย ราคาเริ่มต้นที่ 11.9-100 ล้านบาท