ดีเดย์! 24 ส.ค.นี้ “บิ๊กตู่” กดปุ่ม! วิ่งฉิวมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยาย “พัทยา-มาบตาพุด” เติมเต็มโครงข่าย EEC
ต้องยอมรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เป็นปัจจัยสำคัญที่รัฐบาลได้ทุ่มงบประมาณมหาศาล เนื่องจากเล็งเห็นว่าจะเป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมสู่การเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ ที่สำคัญ คือ การกระจายรายได้ให้กับประชาชนอย่างเท่าเทียม รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตด้วย
ทั้งนี้ สอดรับกับการดำเนินการของกระทรวงคมนาคม ภายใต้การบริหารงานของ “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่มีภารกิจในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบบริการด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ทั้งการขนส่งระหว่างเมือง ในเมือง ให้ครอบคลุมทั้งภูมิภาคของประเทศ ตลอดจนการเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2560-2579) ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ “ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน”
โดย “กรมทางหลวง” (ทล.) หน่วยงานสำคัญที่ได้ดำเนินการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางถนน เพื่อขานรับกับนโยบายของกระทรวงคมนาคม เห็นได้จากการได้รับการจัดสรรงบประมาณในแต่ละปีมหาศาล แต่สร้างคุ้มค่าทางเศรษฐกิจมากมาย
ล่าสุด ในวันที่ 24 ส.ค. 2563 นี้ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในพิธีเปิดให้บริการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 กรุงเทพ-ชลบุรี-มาบตาพุด ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา-มาบตาพุด ระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร (กม.) อย่างเป็นทางการ ก่อนที่จะเปิดให้ประชาชนใช้ตลอดเส้นทางภายในวันนั้นด้วย ทั้งนี้ มอเตอร์เวย์ในเส้นทางดังกล่าว จะยังให้บริการฟรี จนกว่าจะมีกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง พ.ศ. ...
สำหรับมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 สายกรุงเทพฯ–ชลบุรี–พัทยา ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา–มาบตาพุด ถือว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม เติมเต็มโครงข่ายคมนาคมขนส่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงขยายโอกาสการค้าและการลงทุน กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น พร้อมทั้งช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนด้วย โดยคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณรถมาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 36,000 คันต่อวัน ถือเป็นการอำนวยความสะดวกขนส่งทางบก ทั้งการเดินทางปกติ การท่องเที่ยว และการขนส่งสินค้า ทำให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น
นอกจากนี้ มอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา–มาบตาพุดนั้น เป็นทางหลวงมาตรฐานสูงที่มีการควบคุมการเข้า–ออกอย่างสมบูรณ์(Fully Controlled Access) ขนาด 4-6 ช่องจราจร ระยะทาง 32 กิโลเมตร เชื่อมต่อทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 บริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชัน มีด่านเก็บเงินค่าธรรมเนียมผ่านทาง 3 แห่ง ได้แก่ ด่านฯ ห้วยใหญ่เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท บริเวณบ้านอำเภอ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี, ด่านฯ เขาชีโอน เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 331 อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และด่านฯ อู่ตะเภา เชื่อมต่อทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิทบริเวณอำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง
ที่สำคัญ ในเส้นทางดังกล่าว ยังเชื่อมกับแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย และเป็นที่รู้จักในสายตาชาวโลก เช่น หาดจอมเทียน สวนนงนุช พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ อีกทั้งยังเชื่อมกับนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ท่าเรือแหลมฉบัง สนามบินอู่ตะเภา เมืองการบิน ฯลฯ
ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อให้เส้นทางดังกล่าวครอบคลุมไปยังพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ “พลเอกประยุทธ์” จึงได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมไปศึกษาสร้างมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 กรุงเทพ-ชลบุรี-มาบตาพุด ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา-มาบตาพุดไปถึงสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งจะมีระยะทางเพิ่มเติมอีกประมาณ 7 กม. ทั้งนี้ ในอนาคตจะรองรับผู้โดยสารมาใช้บริการได้เพิ่มเป็น 60 ล้านคนต่อปี รวมทั้งเติมเต็มโครงข่าย EEC ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางของระบบโลจิสติกส์ในอาเซียนอย่างแท้จริง กระตุ้นให้เกิดการลงทุนขึ้นในอนาคตด้วย
โดยความคืบหน้าล่าสุดนั้น ในขณะนี้กรมทางหลวงอยู่ระหว่างการศึกษาสร้างมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 ต่อให้ไปถึงสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งในระหว่างนี้ ได้มีการประชุมร่วมกับ EEC อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการศึกษาประมาณ 6 เดือน หรือแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2563 ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการออกแบบรายละเอียด พร้อมกำหนดแนวเส้นทางที่เหมาะสม และพิจารณารูปแบบการดำเนินการ เบื้องต้นจะใช้งบประมาณจากกองทุนมอเตอร์เวย์มาดำเนินการ อย่างไรก็ตาม จะใช้เวลาอีกประมาณ 6 เดือน ก่อนที่จะมีการประกาศเชิญชวน และเปิดประมูลให้เอกชนมาดำเนินการก่อสร้างต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี
นับว่า เป็นการดำเนินการโดยกระทรวงคมนาคม ที่ผลักดันโครงการฯที่เป็นประโยชน์เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมในยุคของ ‘ศักดิ์สยาม ชิดชอบ’ ดูแลรับผิดชอบโครงการขอบข่ายโลจิสติกส์ประเทศ ..!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี