น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าหรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าการส่งออกเดือนตุลาคม 2563 ยังคงติดลบ 6.71% คิดเป็นมูลค่ากว่า 19,379 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจและเป็นไปตามทิศทางเศรษฐกิจการค้าโลกที่กำลังค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากประเทศต่างๆ ทยอยผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางและการขนส่ง ทำให้ภาคการผลิตเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ การดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและการคลังหลายประเทศเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น สินค้าส่งออกของไทยหลายรายการขยายตัวได้ดีสอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ
การส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ยังติดลบ 7.26%คิดเป็นมูลค่า 192,372 ล้านดอลลาร์สหรัฐขณะที่การนำเข้าช่วงเดือนตุลาคม ติดลบ 14.32%คิดเป็นมูลค่า 17,330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อรวมการนำเข้าในช่วง10 เดือนแรกของปียังคงติดลบ 14.61% คิดเป็นมูลค่า 169,702 ล้านดอลลาร์สหรัฐสินค้าที่ขยายตัวได้ดียังเป็นสินค้ากลุ่มเดิมที่เติบโตต่อเนื่อง 3 กลุ่มหลักได้แก่1) สินค้าอาหาร เช่น น้ำมันปาล์ม อาหารสัตว์เลี้ยง สุกรสดแช่เย็นแช่แข็ง สิ่งปรุงรสอาหาร 2) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work fromHome) และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เตาอบไมโครเวฟเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศและโซลาร์เซลล์ 3) สินค้าเกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาดเช่น ถุงมือยางที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาด ทำให้ความต้องการยางพาราในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งส่งผลดีต่อราคายางพาราของไทยในช่วงนี้
ด้านตลาดส่งออก ตลาดสหรัฐฯ และออสเตรเลีย ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่หลายตลาดกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะอินเดีย เนเธอร์แลนด์ และเม็กซิโก รวมทั้งตลาดอื่นๆ ที่มีสัดส่วนสำคัญกับการส่งออกไทย ล้วนมีอัตราการหดตัวที่ลดลงมากในเดือนนี้ เช่น ฮ่องกงเยอรมนี และสหราชอาณาจักร ขณะที่การค้าชายแดนของไทยโดยเฉพาะประเทศใน CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ยังคงได้รับผลกระทบจากการกลับมาแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ มองว่าการส่งออกที่เหลือของปีนี้เชื่อว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น โดยยังคงประมาณการตัวเลขการส่งออกปีนี้ติดลบ 7% ขณะที่การส่งออกปีหน้าเชื่อว่าจะฟื้นตัวได้ดี หลังจากมีวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แล้ว และสามารถนำออกใช้อย่างเป็นทางการได้
“การส่งออกในช่วงที่เหลืออีก2 เดือนของปีนี้ หากส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 18,329 ล้านเหรียญสหรัฐจะทำให้ทั้งปีติดลบ 7% แต่ถ้าทำได้เกินเดือนละ 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐการส่งออกก็จะติดลบน้อยกว่า 7%การส่งออกจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2564 จากสถานการณ์การค้าโลกจะดีขึ้นหลังจากที่นายโจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีความผันผวนน้อยลง การมีวัคซีนโควิด-19 แต่คงต้องใช้เวลาและการลงนามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค(อาร์เซ็ป) ที่จะส่งผลให้การค้าในเอเชียดีขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยง เช่น การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบ 2 ทำให้คู่ค้าหลายประเทศกลับมาล็อกดาวน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี