นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) เปิดเผยว่าภาพรวมการส่งออกของไทยในปี 2564 คาดว่าจะยังคงเติบโตได้เมื่อเทียบกับปี 2563 แต่จะโตได้ในระดับ 3-4% ได้หรือไม่ยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยง 2 ประเด็นใกล้ชิดคือ 1.ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งหากลากยาวจนถึงสิ้นปีจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตที่ลดลง 2.ภาวะค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มจะแข็งค่ามากขึ้นจะมีส่วนบั่นทอนขีดความสามารถการส่งออกของไทยและมูลค่าการส่งออกรูปเงินบาทที่อาจลดลง
ทั้งนี้ ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ที่ขาดแคลนเดิมคาดว่าจะคลี่คลายในไตรมาสแรกของปี 2564แต่ล่าสุดมีการประเมินว่าอาจจะลากยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้ขณะเดียวกันค่าระวางเรือได้มีการปรับเพิ่มขึ้นแล้วเฉลี่ย 3-5 เท่าตัว เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะค่าระวางเรือ 40 ฟุต เฉลี่ยปรับขึ้นเป็น 8,530เหรียญสหรัฐ จากปี 2563 ที่ 2,483 เหรียญสหรัฐหรือมีส่วนต่างเพิ่มขึ้น 6,096 เหรียญสหรัฐ เป็นต้นซึ่งปัญหานี้จะทำให้การส่งออกไทยจะลดลงไม่น้อยกว่า 5,159 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.5 แสนล้านบาท หรือส่งออกหดตัวลง 2-2.2%
“แม้ว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของหลายประเทศทั่วโลกเริ่มแล้วซึ่งจะมีส่วนสำคัญทำให้เศรษฐกิจโลกจะค่อยๆ ฟื้นตัวซึ่งจะเป็นผลดีต่อการส่งออกไทยในช่วงครึ่งปีหลัง แต่กรณีปัญหาการขาดตู้คอนเทนเนอร์ที่บางส่วนมองว่าจะข้ามปีไปจนถึงต้นปี 2565 จะเป็นแรงกดดันให้การส่งออกไทยชะลอตัวลงจากที่คาดหมายไว้เช่นกันจึงเป็นประเด็นที่ขณะนี้รัฐและเอกชนกำลังทำงานใกล้ชิดโดยเฉพาะกับกระทรวงพาณิชย์ในการแก้ไขปัญหานี้อยู่ซึ่งยอมรับว่าขณะนี้ปัญหายังคงรุนแรง ซึ่งคู่แข่งเองก็เดือดร้อนเช่นกันไม่ต่างจากเรา”นายเกรียงไกรกล่าว
ส่วนปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาเฉลี่ย 29.98-30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งหลายฝ่ายประเมินว่าแนวโน้มเงินเหรียญสหรัฐจะอ่อนค่าลงอีกซึ่งจะส่งผลต่อค่าเงินบาทของไทยให้แข็งค่าต่อเนื่องโดยเรื่องนี้สอท.ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ขอให้ดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่าไปกว่าประเทศคู่แข่งเพราะจะยิ่งส่งผลกระทบให้การส่งออกไทยชะลอตัวได้อีก โดยค่าเงินบาทที่เอกชนอยากเห็นคือ 31-32 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอาจเป็นโอกาสของการไปลงทุนในต่างประเทศโดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มุ่งเน้นการผลิตที่เน้นใช้แรงงานเข้มข้นและค่าแรงถูกเพราะปัจจุบันศักยภาพดังกล่าวไทยไม่ตอบโจทย์แล้วซึ่งขณะนี้รัฐบาลเองก็มุ่งส่งเสริมการไปลงทุนต่างประเทศโดยให้บริษัทใหญ่ๆชักจูงบริษัทในห่วงโซ่การผลิตไปด้วย โดยประเทศที่นักลงทุนไทยสนใจมีทั้งเวียดนาม เมียนมา อินโดนีเซีย ฯลฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี