เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับการขยายระยะเวลาเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราชนะ (โครงการฯ) สำหรับประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ (กลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน) ระหว่างวันที่ 8 - 26 มีนาคม 2564 ว่า ประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว จะทราบผลการคัดกรองคุณสมบัติได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2564 เป็นต้นไป โดยผู้ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติจะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ จำนวน 7,000 บาท และสามารถใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ผ่านบัตรประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ได้ที่ผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน - 31 พฤษภาคม 2564 โดยประชาชนที่ประสงค์จะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ในท้องที่เพื่อดำเนินการประสานการจัดหน่วยรับลงทะเบียนเคลื่อนที่ หรือติดต่อที่สาขาหรือจุดให้บริการเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารออมสิน ทั้งนี้ ประชาชนกลุ่มดังกล่าวต้องพิสูจน์และยืนยันตัวตนโดยการเสียบบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Dip Chip) ผ่านเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Capture หรือ EDC) พร้อมกำหนดรหัส (PIN Code) ที่สาขาหรือจุดบริการเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทยฯ ก่อน จึงจะสามารถใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ได้
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลัง ได้แถลงเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าของโครงการฯ ณ วันที่ 16 มีนาคม 2564 ดังนี้ 1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 50,182 ล้านบาท 2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 16.6 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 68,139 ล้านบาทและ 3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.0 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 2,494 ล้านบาท ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการฯ แล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.3 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 120,815 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.2 ล้านกิจการ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี