วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นักวิชาการด้านนโยบายสาธารณะ แนะรัฐบาลปรับปรุงโครงสร้างภาษียาสูบ ควบคู่กับการยกระดับการปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจัง ด้วยมาตรการ “ปรับปรุงและปราบปราม” เพื่อแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยเสนอปรับปรุงโครงสร้างภาษีเพื่อลดการบิดเบือนตลาด ควบคู่กับการเร่งปราบปราม เพื่อเพิ่มรายได้และยุติวงจรบุหรี่เถื่อน
จากการที่บุหรี่เถื่อนในไทยยังขยายตัว ส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดไตรมาสแรกปี 2568 มีการบริโภคถึง 28.1% มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 30,000 ล้านบาท และรายได้ภาษีลดลงต่อเนื่อง 5 ปีติดต่อกัน “ศาสตราจารย์ ดร.อรรถกฤต ปัจฉิมนันท์” อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักวิชาการด้านนโยบายสาธารณะ เปิดเผยว่า
“การลดลงของภาษียาสูบอย่างต่อเนื่องเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งโครงสร้างภาษีที่ไม่สอดคล้องกับสภาพตลาด และการแข่งขันด้านราคาที่แตกต่างอย่างมากระหว่างสินค้าถูกกฎหมายและสินค้าผิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสริมจากการเติบโตของบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่เถื่อนผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้การเข้าถึงสินค้าผิดกฎหมายเป็นไปได้ง่าย” โดย “ศาสตราจารย์ ดร.อรรถกฤต ปัจฉิมนันท์” ได้เสนอ 2 ทางออกในแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ได้แก่
1.ปรับปรุงโครงสร้างภาษีบุหรี่และเพิ่มภาษียาเส้น เพื่อให้ราคาบุหรี่สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค สร้างความเป็นธรรมในระบบภาษี และเพิ่มรายได้ให้รัฐอย่างยั่งยืน โดยใช้ภาษีแบบอัตราเดียวสำหรับบุหรี่ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO) แทนโครงสร้างภาษีแบบ 2 อัตราที่ใช้ในปัจจุบัน และควรพิจารณาจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มรายได้ภาษีให้กับภาครัฐ และสร้างโครงสร้างภาษีที่เป็นธรรมและแข่งขันได้ ลดการบิดเบือนราคาในตลาด รวมถึงส่งเสริมการจัดเก็บภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ
2.ปราบปรามอย่างตรงจุด โดยใช้มาตรการที่เด็ดขาดและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดผ่านหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการปกครอง และหน่วยงานความมั่นคงตามแนวชายแดน พร้อมบูรณาการข้อมูลข่าวสารและการดำเนินคดีอย่างเป็นระบบ รวมถึงการเฝ้าระวังบริเวณชายแดนทั้งทางบกและทางทะเล และการปราบปรามการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อป้องกันการกระจายสินค้าผิดกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการจัดตั้ง “หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมาย” เช่น Australia’s Illicit Tobacco Taskforce (ITTF) ของประเทศออสเตรเลีย นำโดยกองกำลังพิทักษ์ชายแดนออสเตรเลีย (Australian Border Force - ABF) ที่รวมหน่วยงานด้านข่าวกรอง ภาษี และกระบวนการยุติธรรมไว้ด้วยกัน เพื่อทำลายเครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ผิดกฎหมาย ปกป้องรายได้และสุขภาพของประชาชน โดยโมเดลนี้จะอยู่ในรูปแบบองค์กรกึ่งอิสระที่มีอำนาจเทียบเท่ากระทรวง ดำเนินนโยบายด้านสุขภาพได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูง ยกระดับการปราบปรามการลักลอบจำหน่ายบุหรี่เถื่อนในประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มุ่งเน้นให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพ เปลี่ยนจากการตั้งรับมาเป็นการดำเนินการเชิงรุกอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ทั้งนี้ รัฐจะต้องจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอเพื่อรองรับการบริหารจัดการและการดำเนินงาน
“ผมเห็นว่า การปรับปรุงโครงสร้างภาษีให้เป็นสากล กับการใช้ภาษีเพื่อแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อน เป็นคนละเรื่องกัน กระทรวงการคลังสามารถปรับโครงสร้างภาษีได้เลยในวันพรุ่งนี้ โดยไม่เพิ่มภาระภาษีจนมากเกินไป ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อดีตอธิบดีกรมสรรพสามิต ปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสรรพากร ที่กล่าวในช่วงอำลาตำแหน่งว่า ประเทศไทยไม่ควรใช้กลไกภาษีเข้ามาเพื่อให้มีการแข่งขันด้านราคากับบุหรี่เถื่อน เพราะต้องเข้าใจว่า บุหรี่เถื่อนไม่ได้เสียภาษีอยู่แล้ว ดังนั้น การใช้กลไกภาษีเข้ามาจัดการ จึงไม่ได้การันตีว่าจะทำให้การจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น แต่กรมฯ จะใช้วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพในการปราบปรามการลักลอบขนสินค้าหนีภาษีทุกชนิด ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยลดการลักลอบได้อย่างแน่นอน” ศาสตราจารย์ ดร.อรรถกฤต กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี