นายสุพันธุ์  มงคลสุธี  ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือสอท.กล่าวว่า​ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกนี้สร้างความกังวลให้กับภาคเอกชนมากกว่าระลอกที่แล้ว เนื่องจากเป็นการติดเชื้อในกลุ่มผู้บริหารระดับสูง​ ดารา​ นักแสดงรวมทั้งกลุ่มที่ต้องพบปะกับผู้คนมากมายส่งผลให้เชื้อกระจายได้อย่างรวดเร็ว และควบคุมได้ยากไม่เหมือนเช่นคราวที่เกิดการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานต่างด้าวซึ่งสามารถจำกัดบริเวณและเดินหน้าเชิงรุกหาเชื้อพร้อมทั้งระงับการกระจายได้ง่ายกว่าและมีความร่วมมือจากทุกฝ่าย

แต่สำหรับการระบาดครั้งนี้จะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากเดิมที่คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงไตรมาส3 ปีนี้หลังจากที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลายจากการฉีดวัคซีนและเดินหน้านโยบายการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา แต่ขณะนี้คาดว่าจะต้องใช้เวลาประเมินสถานการณ์ใหม่อีก​  1 -​ 2  สัปดาห์

โดยล่าสุดวันที่  7 เมษายน  2564   จำเป็นต้องยกเลิกการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันหรือกกร.ไปก่อนเพื่อติดตามประเมินสถานการณ์ดังกล่าวและจะทำการนัดประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 21 เมษายน 2564  นี้ โดยยอมรับว่ามีความกังวลมากกับสถานการณ์ในครั้งนี้เพราะจะทำให้ภาวะเศรษฐกิจซึมยาวซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนและกำลังซื้อที่จะหายไปด้วย

"ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาคการผลิตขยายตัว รวมถึงประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง​ แต่ในการระบาดครั้งนี้ยอมรับว่าภาคเอกชนมีความกังวลมากขึ้นกว่าเดิม​ แม้จะเห็น ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนไปแล้วบางส่วน แต่ยังกังวลกับปริมาณวัคซีนที่เข้ามาน้อยเมื่อเทียบกับสัดส่วนประชากรทั้งหมด ขณะที่แผนการฉีดวัคซีนก็ยังไม่ชัดเจนเช่นเดิมโดยเฉพาะในหลายพื้นที่การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมารับวัคซีนยังไม่ทั่วถึง"นายสุพันธุ์​กล่าว

อนึ่งก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)ก่อนหน้านี้ ได้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2564 โดยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวในกรอบ 1.5-3.5% ส่วนการส่งออกขยายตัวได้ 3-5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 0.8-1.0% โดยระบุว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลักได้แก่ 1.) ความสามารถในการควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งยังคงต้องเฝ้าระวังหลังผ่อนคลายมาตรการ 2.) การกระจายวัคซีนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ  และ 3.) มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการและแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 รวมไปถึงการประคับประคองกำลังซื้อในประเทศ