ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทยเปิดเผยว่า การเข้ามาระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ เช่น สายพันธุ์อินเดียอาจส่งผลให้การแพร่ระบาดในประเทศรุนแรงและยืดเยื้อนานกว่าที่คาดไว้ คนระมัดระวังการเดินทางและขาดความเชื่อมั่นในการใช้จ่าย จากเดิมคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาเปิดและเร่งตัวระดับใกล้เคียงปกติในไตรมาส 3 อาจเลื่อนออกไปเป็นไตรมาส 4 ซึ่งจะฉุดรั้งให้การบริโภคภาคเอกชนอ่อนแอ ทางสำนักวิจัยฯ จึงได้ปรับคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้ลงจาก 2.2% เป็น 1.9%
“นักเศรษฐศาสตร์เดินดินอย่างผมได้ออกไปซอกแซกตามร้านค้า พบว่าคนบางตา ร้านเปิดน้อยลง ลูกค้าก็น้อยลง จากการพูดคุยกับเจ้าของร้าน หลายร้านเลือกที่จะปิดร้านเพราะขายแล้วขาดทุน ต้นทุนสำคัญคือ ค่าเช่าแผงขายของ ที่ผ่านมาเจ้าของใจดีลดค่าเช่าให้บางส่วน แต่หลังจากเปิดเมือง ค่าเช่ากลับไปเท่าเดิม แต่ยอดขายไม่ได้ขึ้นมาเท่าเดิม เพราะการเปิดเมืองยังมีเงื่อนไข และจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทำให้คนยังกังวลไม่อยากออกจากบ้าน บางร้านปรับตัวโดยขายของออนไลน์ ประหยัดค่าเช่าแผงและค่าเดินทาง แต่ไม่ใช่ทุกร้านที่ปรับตัวขายออนไลน์ได้ ถ้าสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ ก็ไม่แน่ว่าจะกลับมาขายแผงเดิมได้ไหม เพราะอาจไม่มีพื้นที่เหลือให้กลับมาขาย ดังนั้น ถ้าเราคุมการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ไม่ได้ ปัญหาจะยิ่งลากยาวไปอีก” ดร.อมรเทพ กล่าว
ในด้านภาครัฐนั้น รัฐบาลสามารถเร่งการใช้จ่ายและลงทุนได้มากขึ้นผ่านพ.ร.ก. เงินกู้ 5 แสนล้าน โดยเราคาดหวังมาตรการพยุงกำลังซื้อของประชาชนที่มีรายได้น้อย ผ่านเงินโอนประเภทต่างๆ นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีคนรายได้ระดับกลาง-บนที่อาจไม่ได้รับผลกระทบต่อรายได้มากนัก แต่ไม่กล้าใช้เงินเพราะขาดความเชื่อมั่น ซึ่งเราอาจเห็นมาตรการกระตุ้นการบริโภคจากคนกลุ่มนี้หลังประชาชนเริ่มทยอยได้รับวัคซีนและจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงอย่างชัดเจน ผู้บริโภคจะคลายความกังวลมากขึ้นและมีความเชื่อมั่นในการเดินทางในประเทศและการซื้อสินค้าและบริการ แต่อาจเห็นผลชัดเจนในช่วงไตรมาสสี่ปีนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ รัฐบาลสามารถเร่งการใช้จ่ายและการลงทุนได้มากขึ้นผ่านพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท เราคาดหวังมาตรการพยุงกำลังซื้อของประชาชนที่มีรายได้น้อย ผ่านเงินโอนโครงการต่างๆ ขณะที่มาตรการกระตุ้นกลุ่มคนรายได้ระดับกลาง-บนที่อาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบต่อรายได้มากนัก แต่ไม่กล้าใช้เงินเพราะขาดความเชื่อมั่น แต่หลังจากประชาชนทยอยได้รับวัคซีนและจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงอย่างชัดเจนแล้ว เราคาดหวังจะเห็นมาตรการกระตุ้นการบริโภคจากคนกลุ่มนี้ และเมื่อผู้บริโภคคลายความกังวล มีความเชื่อมั่นที่จะจับจ่ายซื้อสินค้าและบริการ รวมถึงการเดินทางในประเทศ สำนักวิจัยฯ คาดว่าจะเห็นกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ อีกหนึ่งปัจจัยบวก คือ การส่งออก การฟื้นตัวของสหรัฐและจีนจะส่งผลให้การส่งออกไทยเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้
ดร.อมรเทพเปิดเผยว่า หากรัฐบาลสามารถจัดสรรและฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ตามแผนปีนี้ และวัคซีนมีประสิทธิภาพในการรับมือการระบาดได้ เศรษฐกิจไทยเร่งตัวอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 4 เป็นต้นไป จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปี 2565 ขยายตัวได้สูงถึง 5.1% จากการบริโภคในประเทศที่เร่งตัวขึ้น ด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาเร่งตัวแรงในปีหน้าเช่นกัน สำหรับการปรับประมาณการเศรษฐกิจรอบหน้า สำนักวิจัยจะพิจารณาปัจจัยสำคัญ 3 ประการ
1.แผนการกระจายฉีดวัคซีนและประสิทธิภาพของวัคซีนในการลดการติดเชื้อ เพื่อคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะสามารถผ่อนคลายมาตรการจำกัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อลดการระบาดในประเทศได้เร็วขึ้นกว่าไตรมาส 4 ได้หรือไม่ 2.แผนการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้มากขึ้นเพื่อฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวในประเทศได้หรือไม่ 3.การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐสามารถประคองกำลังซื้อและสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและผู้บริโภคได้หรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี