ศาลปกครองสูงสุดยกฟ้องคดีละเมิดล้มประมูลสายสีส้ม ด้าน รฟม.พร้อมเดินหน้าไปต่อประมูลรอบใหม่ ต.ค.นี้
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยในการแถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีเกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ว่าตามที่ในคดีหมายเลขดำที่ 580/2564 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นที่มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีในข้อหาที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าการกระทำของคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และ รฟม. เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี และที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอห้ามมิให้คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และ รฟม. กระทำการหรือดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเอกชนในโครงการพิพาทครั้งใหม่ โดยมีเหตุผลว่า การดำเนินการคัดเลือกเอกชนเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายปกครองตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ศาลปกครองไม่อาจมีคำสั่งกำหนดคำบังคับตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ให้คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และ รฟม. กระทำการหรืองดเว้นกระทำการที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ ประเด็นเรื่องความคืบหน้าการฟ้องคดีทั้งหมดเกี่ยวกับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) สรุปได้ว่า ปัจจุบันมีการฟ้องคดีรวมจำนวน 3 คดี แบ่งเป็นคดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองกลาง จำนวน 2 คดี ได้แก่ คดีหมายเลขดำที่ 2280/2563 และคดีหมายเลขดำที่ 580/2564 และเป็นคดีที่อยู่ในระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จำนวน 1 คดี คือ คดีหมายเลขดำที่ อท.30/2564 คดีหมายเลขดำที่ 2280/2563 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลางที่จำหน่ายคดีในข้อหาที่ฟ้องขอให้เพิกถอนหลักเกณฑ์ร่วมลงทุนที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้น จึงไม่มีประเด็นพิพาทเกี่ยวกับการเพิกถอนหลักเกณฑ์อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองอีกต่อไป คดีหมายเลขดำที่ 580/2564 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลางที่ไม่รับคำฟ้องข้อหาเกี่ยวกับการการกระทำละเมิด และคำขอห้ามมิให้คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และ รฟม.กระทำการหรือดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเอกชนในโครงการพิพาทครั้งใหม่ ไว้พิจารณา โดยให้เหตุผลว่า การดำเนินการคัดเลือกเอกชนเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 และ รฟม. ตามกฎหมาย ดังนั้น จึงไม่มีประเด็นพิพาทเกี่ยวกับการดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนในครั้งใหม่อีกต่อไป คดีหมายเลขดำที่ อท.30/2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางยังอยู่ในระหว่างไต่สวนมูลฟ้องยังไม่ได้รับฟ้องคดีดังกล่าวไว้พิจารณาแต่อย่างใด
ซึ่งจากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดนั้น รฟม.เล็งเห็นว่าคดีที่เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การคัดเลือกในครั้งแรกถือว่าสิ้นสุดลงตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ให้จำหน่ายคดีไปก่อนหน้านี้แล้ว และคดีฟ้องการคัดเลือกครั้งใหม่ ก็ได้ข้อยุติสิ้นสุด ศาลปกรองสูงสุดก็ตัดสินไม่รับฟ้อง ทำให้ รฟม.สามารถเริ่มดำเนินการประกวดราคาต่อไปได้ โดย รฟม.ได้กำหนดการนัดประชุมคณะกรรมการตามมาตรา 36 ในเดือน ก.ย.นี้ เพื่อพิจารณาเอกสารประกวดราคา (TOR) หลังจากนั้นในเดือน ต.ค.จะขายซองเอกสาร ให้เวลาเอกชนจัดทำข้อเสนอประมาณ 90 วัน และเปิดให้ยื่นข้อเสนอในช่วงเดือน ม.ค.2565 คาดว่าจะใช้เวลาในการประเมินข้อเสนอและเจรจาต่อรองกับเอกชนที่ยื่นข้อเสนอเป็นประโยชน์กับ รฟม.และโครงการประมาณ 3 เดือน และเสนอคณะรัฐนมตรี (ครม.) เห็นชอบผลการประกวดราคาในเดือน เม.ย.2565
อย่างไรก็ตาม ในการประกวดราคารอบใหม่ทาง รฟม.จะปรับแก้ข้อกำหนดกรอบเวลาก่อสร้างโครงการให้สั้นลงเพื่อเร่งรัดการให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มสามารถเปิดเดินรถช่วงตะวันออก ศูนย์วัฒนธรรมฯ - มีนบุรี ต้นปี 2568 และเปิดเดินรถทั้งสายในช่วงไตรมาส 3 ปี 2570 สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) และส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์ – ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี