นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของโรคฯ โควิด-19 อย่างรุนแรงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาทำให้ประชาชนต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ประกอบกับภาคธุรกิจได้ใช้มาตรการให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้าน (Work from Home : WFH) เพื่อลดการติดต่อพบปะกันและลดการติดเชื้อในวงกว้าง
จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังกล่าวในแง่มุมของเศรษฐกิจกลับมีข้อมูลที่น่าสนใจ จากวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจประจำเดือนสิงหาคม 2564 ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า ธุรกิจที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโรคฯ อย่าง “ธุรกิจขายปลีก-ขายส่งเฟอร์นิเจอร์” กลับเติบโตขึ้นในช่วงของการใช้มาตรการ WFH ปัจจุบันมีธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่จำนวน 4,163 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนสูงถึง 24,434.72 ล้านบาท และช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 มีการจัดตั้งธุรกิจจำนวน 210 ราย เพิ่มมากขึ้นกว่าปี 2563 ของช่วงเวลาเดียวกัน อีกทั้งในเดือนสิงหาคม 2564 มีจำนวนการจัดตั้งธุรกิจทั้งสิ้น 29 ราย เพิ่มขึ้น 4 ราย จากเดือนกรกฎาคม 2564 คิดเป็น 16% แม้ว่าตัวเลขการเพิ่มขึ้นอาจจะดูไม่พุ่งสูงแบบก้าวกระโดด แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่ามีทิศทางการเติบโตที่ต่อเนื่อง และยังมีช่องว่างให้ผู้ประกอบการธุรกิจเฟอร์นิเจอร์หน้าใหม่เข้ามาลงแข่งขันกันได้ในจำนวนคู่แข่ง
ที่ยังไม่มากนัก
“นิติบุคคลที่จดทะเบียนในธุรกิจขายปลีก-ขายส่งเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จัดตั้งในรูปแบบบริษัทจํากัดมีจํานวน 3,246 ราย คิดเป็น 77.97% แบ่งมูลค่าทุนเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 1 ล้านบาท จํานวน 2,522 ราย ทุนจดทะเบียน 1.01-5.00 ล้านบาท จํานวน 1,323 ราย ทุนจดทะเบียน 5.01-100 ล้านบาท จํานวน 293 รายและมากกว่า 100 ล้านบาท จํานวน 25 ราย จากจำนวนนี้คิดเป็นธุรกิจขนาดเล็ก (S) มากที่สุดจํานวน 3,943 ราย คิดเป็น 94.72% ธุรกิจขนาดกลาง(M) จํานวน 183 ราย คิดเป็น 4.40% และธุรกิจขนาดใหญ่ (L) จํานวน 37 ราย คิดเป็น 0.89%”
ปัจจัยที่มาช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เป็นน่าจับตามองคือ มุมของ “ภาคการส่งออก” ที่ปริมาณการสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์จากประเทศไทยยังคงมีความต้องการจากผู้บริโภคชาวต่างชาติ (ข้อมูลจาก สำนักงานปลัด กระทรวงพาณิชย์) และสร้างมูลค่าการส่งออกเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561-2564 โดยในปี 2561 มีมูลค่าการส่งออก 37,886.08 ล้านบาท ปี 2562 มีมูลค่าการส่งออก 39,430.39 ล้านบาท ปี 2563มีมูลค่าการส่งออก 44,504.06 ล้านบาท และปี 2564(มกราคม-กรกฎาคม) มีมูลค่าการส่งออก 29,448.51 ล้านบาท
อีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นการเติบโตคือการพัฒนาของธุรกิจ e-Commerce โดยสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านบนโลกการค้าออนไลน์เป็นหมวดหมู่ที่มาแรงและมีมูลค่าเป็นอันดับที่ 4 รองจาก ธุรกิจห้างสรรพสินค้า เครื่องสำอางและอาหารเสริม และแฟชั่นเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมของการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ลดการเดินทางออกจากบ้าน และเลือกสินค้าได้หลากหลาย ทั้งหมดนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไทยที่มีศักยภาพในการส่งออกเพราะไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่ต้องใช้มาตรการ WFH แต่ยังเป็นมาตรการที่ธุรกิจทั่วโลกนำไปใช้เพื่อให้พนักงานขององค์กรทำงานอยู่ที่บ้าน และอาจจะกลายเป็นแนวโน้มการทำงานรูปแบบใหม่อย่างถาวรก็เป็นได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี