“ชัยวุฒิ” ส่องกระแส New Normal ขับเคลื่อน 4 เทรนด์ความเปลี่ยนแปลงใหม่ ภายใต้แรงหนุนของเทคโนโลยี ย้ำรัฐบาลเกาะติดโอกาส 5G ชิงความได้เปรียบในพัฒนาเศรษฐกิจ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในเวทีโลกให้กับประเทศไทย
2 ธันวาคม 2564 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (รมว.ดีอีเอส) กล่าวในงานสัมมนา “5G THAILAND BIG MOVE” ว่า การเปลี่ยนผ่านวิถีการดำเนินชีวิตสู่รูปแบบ New Normal ที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี ทำให้เกิดเทรนด์ความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนใน 4 ด้าน ได้แก่ การเฝ้าระวัง ติดตาม และจัดเก็บข้อมูลเข้าสู่โลกดิจิทัลมากยิ่งขึ้น , เกิดโอกาสในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างคาดไม่ถึงมากมาย, ธุรกิจและผู้บริโภคถูกเร่งให้ปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยีดิจิทัลและกลายมาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน และเศรษฐกิจดิจิทัลมีการขยายตัวสูงขึ้น ธุรกิจมีการเชื่อมต่อกับโลกมากยิ่งขึ้น และมีการให้บริการรูปแบบ Cross border / Globalized Service ที่ไม่มีข้อจำกัดในเชิงภูมิศาสตร์อีกต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อเกาะติดกระแสความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว และชิงความได้เปรียบในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน 5G เพราะมองเห็นโอกาสและศักยภาพด้วยเทคโนโลยี 5G ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในเวทีโลก โดยมีผลการศึกษา พบว่า ในปี 2570 ความต้องการใช้งาน 5G ของผู้บริโภคมีแนวโน้มสูงขึ้นเห็นได้ชัดโดยคนไทยจะใช้งาน 5G ไม่ต่ำกว่า 70 ล้านราย (หรือประมาณ 73%) และปี 2573 ตลาด 5G ในประเทศจะมีมูลค่ากว่า 6.5 แสนล้านบาท และสร้างการจ้างงานใหม่ด้านดิจิทัลกว่า 130,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผลจากการประยุกต์ใช้ประโยชน์ 5G
ขณะที่ ในปี 2575 ประเทศไทยจะมีการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้ 5G อยู่ที่ 2.3 - 5 ล้านล้านบาท รวมถึง ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลจะลดลงอย่างน้อย 38,000 ล้านบาท/ปี และในปี 2578 ด้านการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม และการค้าการลงทุนในพื้นที่ EEC โดย 5G จะช่วยเพิ่มมูลค่าจีดีพี ให้กับประเทศไทยได้ไม่ต่ำกว่า 5.5 เท่า
“นี่เป็นเรื่องสำคัญ เราเชื่อว่าการขับเคลื่อน GDP ของประเทศต้องเกิดจากเทคโนโลยี 5G และการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ถ้าเราไม่ขับเคลื่อน 5G ให้พร้อมกับการแข่งขันเวทีโลก ความสามารถในการแข่งขันเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ และทำให้เกิดการเสียโอกาสไปหลายแสนล้านบาท” นายชัยวุฒิ กล่าว
นายชัยวุฒิ กล่าวอีกว่า ด้านความคืบหน้าของการพัฒนา 5G ในประเทศไทย ปัจจุบันกรุงเทพมหานคร ได้รับการจัดอันดับให้ติดอันดับ 1 ใน 10 เมืองที่มี 5G ที่ดีที่สุดในโลก และไทยเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ในการวางโครงสร้างพื้นฐาน 5G ทั้งนี้เป็นผลจากการที่ประเทศไทยมีการลงทุนพัฒนาโครงข่าย 5G และขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จาก 5G ที่รวดเร็วมาก
ล่าสุด จากการจัดอันดับใน Opensignal 5G Global Awards 2021 ซึ่งจัดทำโดยบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ผู้ใช้งานมือถือระดับโลก ได้ยกให้ประเทศไทยเป็น 5G Global Leader ใน 5 หัวข้อ ได้แก่ 1.การใช้งานจริง (5G Availability) 2.ความเร็วในการดาวน์โหลดข้อมูล (5G Download Speed) 3.ความเร็วในการอัพโหลดข้อมูล (5G Upload Speed) 4.ให้ประสบการณ์ดีที่สุดในการเล่นเกม (5G Games Experience) และ 5.ประสบการณ์ความเร็วในการดาวน์โหลดวิดีโอ (5G Video Experience)
“ในส่วนของภาคของประชาชน ซึ่งเป็นผู้ใช้งานก็จะได้รับประโยชน์โดยตรง จากการที่ภาครัฐเดินหน้าลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง รวมถึง การผลักดันให้ขยายเครือข่าย 5G ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้มีแบนด์วิธเพิ่มขึ้น มีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการใช้บริการสื่อสารข้อมูลต่ำลง และรองรับการใช้งานรูปแบบใหม่ๆ ได้มากขึ้น ทำให้คนไทยสะดวกสบายขึ้น ในการติดต่อสื่อสาร” นายชัยวุฒิ กล่าว
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน กระทรวงดิจิทัลฯ ได้เร่งดำเนินการผลักดันการนำร่องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ทั้งหมด 6 ด้าน ได้แก่ การเกษตร สาธารณสุข อุตสาหกรรม การศึกษา คมนาคม และเมืองอัจฉริยะ (Smart City) รวมทั้งสิ้น 9 โครงการ ที่กระจายครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ อีกทั้งอยู่ระหว่างการจัดทำมาตรการส่งเสริมการใช้ประโยชน์เทคโนโลยี 5G ของประเทศไทย ระยะที่ 1 ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เกิดการลงทุนและการใช้ประโยชน์จาก 5G เพิ่มขึ้น ตลอดจนผลักดันแนวทางการส่งเสริมการพัฒนาเมืองเทคโนโลยี 5G (5G City Guidance) เพื่อผลักดันให้เมืองอัจฉริยะทั่วประเทศ มีบริการ 5G ในด้านต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับพื้นที่ อย่างน้อย 1 บริการ ต่อ 1 เมืองอัจฉริยะ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี