** เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 นายณรงค์ ลาภเกินรองประธานเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ(ส.ท.ช.) พร้อมคณะ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนโครงการศูนย์ดิจิทัลชุมชน กลุ่มที่ 2 (จำนวน 250 ศูนย์) ภายใต้โครงการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนที่สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดำเนินการไปตามเอกสารประกวดราคาเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2564 โดยระบุว่า โครงการดังกล่าวมีการดำเนินการไม่โปร่งใส มีการกำหนดเงื่อนไข TORเอื้อประโยชน์ต่อผู้เข้าเสนอราคาบางราย และมีพฤติกรรมการพิจารณาเอื้อประโยชน์ต่อผู้เสนอราคา จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
เรื่องของเรื่องคือว่า...แต่เดิมสัญญาเช่าระบบคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ศูนย์ดิจิทัลชุมชนในโครงการเดิม 250 ศูนย์ มูลค่า 270 ล้านบาท มีระยะเวลา 1 ปี จะสิ้นสุดสัญญาในเดือนกันยายน 2564โดยมีบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) เป็นคู่สัญญา และมีการซับงานให้ บริษัท สหวิริยาโอเอ จำกัด (มหาชน) (SVOA) เป็นผู้จัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมอุปกรณ์อีกทอด ซึ่งเมื่อหมดสัญญา บริษัทที่ดูแลโครงการ (SVOA) จะต้องขนเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมอุปกรณ์เหล่านี้กลับสำนักงาน...แต่ปรากฏว่า สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ทำการประกวดราคาจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ พร้อมอุปกรณ์สนับสนุน ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ภายใต้โครงการยกระดับศูนย์การเรียนรู้ ICT ชุมชนสู่ศูนย์ดิจิทัลชุมชน ในกลุ่มที่ 2 เพิ่มเติมอีกจำนวน 250 ศูนย์ โดยมีการกำหนดเงื่อนไข TOR กำหนดสเปกจัดหาระบบคอมพิวเตอร์...ซึ่งมีข้อสงสัยว่าได้ว่า...จะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่กิจการร่วมค้า SA (บริษัทสหวิริยาโอเอ SVOA ร่วมกับ บริษัทแอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี) ซึ่งเป็นคู่ค้าเดิมให้เป็นผู้ชนะประกวดราคา...หรือไม่.... และเปิดช่องให้มีการนำเอาคอมพิวเตอร์ พร้อมอุปกรณ์ในโครงการเดิมบางส่วน มาสวมรอยส่งมอบ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อกำหนดจนยังความเสียหายแก่รัฐ
ที่กล่าวได้ว่ามีสงสัยก็เพราะว่า...จากการติดตามตรวจสอบข้อมูลของ เครือข่าย ส.ท.ช. พบว่า มีการจงใจกำหนด TOR ที่ส่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้จัดหาระบบคอมพ์ และอุปกรณ์รายเดิม....เพราะกำหนดใน TOR ว่า...สามารถจะนำเอาคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ที่ต้องส่งกลับ สำนักงานใหญ่ กลับมาดำเนินการส่งมอบให้แก่ศูนย์ได้ โดยมีการกำหนดเงื่อนไขให้พื้นที่ส่งมอบโครงการกลุ่มที่ 1 ที่เป็นศูนย์ดิจิทัลชุมชนเดิม ซึ่งที่จะต้องจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ละอุปกรณ์จำนวน 24 รายการมาทดแทนของเดิม แต่คณะกรรมการไม่มีการกำหนดคุณลักษณะของพัสดุที่จะจัดหาต้องเป็นของใหม่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน แต่ในพื้นที่ส่งมอบกลุ่มที่ 2ที่เป็นศูนย์ดิจิทัลชุมชนใหม่ กลับมีการกำหนดสเปกระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่จะส่งมอบต้องเป็นของใหม่ ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน ส่อให้เห็นว่า เป็นการกำหนดเงื่อนไข TOR ที่เปิดโอกาสให้กิจการร่วมค้า SA สามารถนำอุปกรณ์ที่ต้องส่งกลับ สำนักงานใหญ่ หลังหมดสัญญา กลับมาทำสัญญาเช่าใหม่ได้อีกแม้ในข้อกำหนดระบบคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่ต้องส่งมอบในพื้นที่จัดหากลุ่มที่ 1 และ 2 จะมีความแตกต่างกัน โดยใน TOR ของกลุ่มที่ 1 ไม่ได้กำหนดข้อความว่า อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ที่ติดตั้งต้องอยู่ในสายผลิต เป็นของใหม่ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน แต่หากคณะกรรมการจัดซื้อจะได้พิจารณาอย่างรอบคอบย่อมต้องคำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการอย่างเคร่งครัด เพราะในเอกสารประกวดราคาหน้าที่ 1 อันเป็นข้อกำหนดหลักที่ผู้เสนอราคาทุกรายต้องปฏิบัติตาม ได้กำหนดข้อความชัดเจนว่าพัสดุที่จะเช่านี้ต้องเป็นของใหม่ ไม่เคยใช้งานมาก่อน ไม่เป็นของเก่าเก็บอยู่ในสภาพใช้งานได้ทันทีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ พฤติการณ์ในการเสนอราคาของผู้เข้าประกวดราคาทั้ง 3 ราย ได้แก่ กิจการร่วมค้า SA,บริษัท ริโก้ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท คอนโทรลดาต้า (ประเทศไทย) จำกัด ก็เห็นได้ชัดเจนว่า มีการเสนอรายการพัสดุของทั้ง 2 กลุ่ม เป็นยี่ห้อและรุ่นเดียวกันเกือบทุกรายการ โดยเฉพาะการเสนอพัสดุในกลุ่มที่ 1 เครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับงานประมวลผลแบบที่ 2 ราคากลาง เครื่องละ 30,000 บาท ทุกรายเสนอยี่ห้อ Lenovo รุ่น ThinkCentre M75s ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้อและรุ่น ตามสัญญาเก่าของ บริษัท NT ทั้งหมด จึงควรเป็นข้อสงสัยในการพิจารณาว่าผู้เสนอราคาทั้ง 3 ราย มีการสมยอมในการเสนอราคาหรือไม่ ขณะเดียวกัน ยังพบด้วยว่า คณะกรรมการประกวดราคา ยังมีการกำหนดเงื่อนไข TOR ที่น่าสงสัยอีกหลายประการ อาทิ การจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำศูนย์ดิจิทัลชุมชน ซึ่งโดยพื้นฐานแล้ว น่าจะเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน แต่ในการประกวดราคาครั้งนี้กลับกำหนดให้ศูนย์ดิจิทัลชุมชนกลุ่มที่ 1 ซึ่งเป็นศูนย์เดิมไม่ต้องมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำศูนย์ ทำให้คู่ค้าเดิมที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกประหยัดต้นทุนไปโดยปริยาย
จากการติดตามของ เครือข่ายฯ ยังพบว่า ระหว่างที่สำนักงานคณะกรรมการเศรษฐกิจดิจิทัลฯ ดำเนินการประกวดราคาโครงการนี้ ได้มีข้อท้วงติงจากหลายภาคส่วนที่ทักท้วงให้ นางวรรณะ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลการประกวดราคา ได้ดำเนินการตรวจสอบการดำเนินโครงการนี้อย่างเข้มงวด แต่ก็กลับมีการปล่อยปละละเลย จนมีการประกาศผลประกวดราคาและลงนามในสัญญากันไป ทำให้มีการนำเอาพัสดุระบบคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์เดิม มาทำการส่งมอบ ยังความเสียหายให้แก่ทางราชการ เฉพาะที่คำนวณเป็นตัวเงินจากโครงการนี้ มากกว่า 326 ล้านบาท...และจากพฤติการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น ทางเครือข่าย ส.ท.ช. จึงสงสัยในพฤติกรรมของข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการประกวดราคาโครงการนี้ รวมไปถึงบริษัทเอกชน ที่เข้าร่วมประกวดราคา ที่มีพฤติกรรมสมยอมราคาเข้าประมูล จึงขอให้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เข้ามาตรวจสอบและเอาผิดกับบุคคลเหล่านี้
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี