กกร.แก้ “หมูแพง” ห้ามส่งออกหมูชั่วคราว 3 เดือน เริ่ม 6 ม.ค.65-5 เม.ย.65 พร้อมสั่งลุยเช็คสต๊อก แจ้งราคา
5 มกราคม 2565 เวลา 17.45 น. ที่ห้องประชุมกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ครั้งที่ 1/2565 พร้อมด้วยนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ , นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายโสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมได้พิจารณาประเด็นสำคัญเรื่องสุกร หารือร่วมกันกับกรมปศุสัตว์ที่เป็นหน่วยงานดูแล การผลิตสุกรป้อนเข้าสู่ตลาด ตัวเลขเบื้องต้นในปี 2564 มีการเลี้ยงสุกรป้อนเข้าสู่ตลาด ประมาณ 19 ล้านตัว บริโภคในประเทศ 18 ล้านตัว ส่งออกไปต่างประเทศประมาณ 1 ล้านตัว คาดการณ์ว่าปี 2565 จะมีสุกรหายไปจากระบบ เหลือประมาณ 13 ล้านตัว จาก 19 ล้านตัว ซึ่งเราบริโภคในประเทศประมาณ 18 ล้านตัว ทำให้ขาดสุกรประมาณ 5 ล้านตัวสำหรับการบริโภค
“วันนี้ได้มีการพิจารณาห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค.65 ถึง วันที่ 5 เม.ย.65 เป็นการชั่วคราว และจะพิจารณาตามสถานการณ์ว่าควรให้มีการต่ออายุหรือไม่ โดยติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด คาดว่าจะช่วยให้มีหมูเป็นกลับเข้าสู่ระบบเพิ่มเติมประมาณ 1 ล้านตัว” นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังสั่งการให้ผู้เลี้ยงที่มีปริมาณการเลี้ยงเกิน 500 ตัว ผู้ค้าส่งที่มีปริมาณเกิน 500 ตัว ห้องเย็นที่มีการเก็บสต๊อกเกิน 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป ให้ดำเนินการแจ้งสต๊อกให้กรมการค้าภายในรับทราบ รวมทั้งแจ้งราคา ในทุก 7 วัน เริ่มวันที่ 10 ม.ค. 65 เป็นต้นไป เพื่อให้ทราบปริมาณหมูเป็นทั้งหมดที่อยู่ในระบบ รวมทั้งหมูแช่แข็ง แช่เย็น รวมกันทั้งประเทศว่ามีจำนวนเท่าไหร่ เพื่อพิจารณาแก้ไขปัญหาร่วมกันกับกรมปศุสัตว์และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องต่อไปกรมการค้าภายในจะทำงานร่วมกันกับกรมปศุสัตว์และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ให้ได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงความจริงที่สุด
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนการจำหน่ายเนื้อหมูกำหนดให้มีการติดป้ายราคาจำหน่ายห้ามขายเกินราคาป้ายที่กำหนดไว้ รวมทั้งดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พาณิชย์จังหวัดและกรมการค้าภายในรวมทั้งปศุสัตว์ ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งการขายเกินราคา การเข้าข่ายค้ากำไรเกินควรก็ตาม และที่ประชุมยังมีมติเพิ่มเติมให้กรมปศุสัตว์ในฐานะหน่วยงานเจ้าของเรื่องโดยตรง ผลิตสุกร เข้าสู่ระบบเร่งดำเนินการ ส่งเสริมการเลี้ยงสุกรเพิ่มเติมเพื่อให้สุกรมีเพียงพอสำหรับการบริโภคในประเทศโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ ( 4 มกราคม 2565) ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประภัตร โพธสุธน ได้มีการหารือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ มีมาตรการเร่งรัดการส่งเสริมการเลี้ยง กระทรวงพาณิชย์เห็นด้วยในการช่วยสนับสนุนมาตรการทั้งหมดและถ้ามีความจำเป็นในเรื่องใดที่จะต้องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี กระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะให้การสนับสนุน โดยเฉพาะมาตรการเร่งรัดส่งเสริมการเลี้ยงการช่วยให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยราคาถูกหรือเงื่อนไขผ่อนปรนเป็นพิเศษ และขอให้กระทรวงการคลังเข้ามามีบทบาทช่วยดูแลเรื่องนี้ต่อไป รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูเข้ามาเลี้ยงในระบบ GFM (Good Farming Management) ที่มีมาตรฐานและต้นทุนไม่สูงเกินไป เป็นระบบที่ป้องกันโรคได้และมีความปลอดภัยสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
สำหรับมาตรการต่อจากนี้ มาตรการที่ 1 เมื่อทราบสต๊อกจะเร่งนำหมูจากสต๊อกมาป้อนเข้าสู่ระบบโดยเร็ว
มาตรการที่ 2 กำกับราคาไม่ให้เกิดการค้ากำไรเกินควร ถ้าต้นทุนหมูสูงขึ้นจริงจำเป็นต้องขายราคาหน้าฟาร์มสูงขึ้น ก็ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย แต่ถ้าขายเกินราคาสมควรจนเข้าข่ายผิดกฎหมาย กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ไม่มียกเว้น ขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนผู้บริโภคทั้งประเทศแจ้งเบาะแสมาที่สายด่วน 1569 ซึ่งนอกจากเข้าไปทำหน้าที่เชิงรุกของเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ จะขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะที่เป็นกลไกของกระทรวงพาณิชย์ในระดับจังหวัดช่วยดำเนินการเรื่องนี้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี