น.ส.ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK เปิดเผยว่า สถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 คาดว่ามีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าปี 2564 โดยมีแรงหนุนต่อเนื่องจากการส่งออกและการทยอยฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐจะเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แม้เศรษฐกิจภาพรวมจะยังเผชิญความไม่แน่นอนหลายประการ จากการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน รวมถึงการปรับขึ้นของเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ภายใต้ทิศทางเศรษฐกิจและปัจจัยความท้าทายดังกล่าว ธนาคารกสิกรไทยได้ประกาศเป้าหมายทางการเงินปี 2565 ดังนี้เป้าการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ (Loan Growth) ที่ 6-8% จากการเติบโตสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าบุคคลและกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) โดยเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ในการปล่อยสินเชื่อ (Data Analytics) การร่วมมือกับพันธมิตร และการเติบโตสินเชื่อในภูมิภาค AEC+3อีกทั้งธนาคารยังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สินเชื่อลูกค้าบุคคลคาดว่าจะเติบโต 9-11% สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีคาดว่าจะเติบโต 4-6% และสินเชื่อบรรษัทธุรกิจคาดว่าจะเติบโต 1-3%
เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL Ratio (Gross)) ที่ 3.7-4.0% โดยโควิด-19 ยังคงส่งผลกระทบต่อคุณภาพเงินให้สินเชื่อ ทั้งนี้ ธนาคารมีการบริหารความเสี่ยงเชิงรุก และนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ในการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารจะทยอยฟื้นตัวขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ธนาคารพร้อมเป็นผู้นำในการให้บริการชำระเงินในทุกแพลตฟอร์มดิจิทัลและรองรับทุกประเภทของการชำระเงินใน Ecosystem ของลูกค้า (Dominate Digital Payment) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าธุรกิจและลูกค้าบุคคล 2.ยกระดับการปล่อยสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อบุคคล (Reimagine Commercial & Consumer Lending) โดยนำข้อมูลธุรกรรมทางการเงินของลูกค้าและคู่ค้าในห่วงโซ่ธุรกิจ มาวิเคราะห์และคัดกรองลูกค้าที่มีความสนใจและมีศักยภาพในการชำระหนี้
3.ขยายบริการด้านการลงทุนและการรับประกันภัยไปยังลูกค้าที่ยังไม่เคยใช้บริการ (Democratize Investment & Insurance)4.เจาะตลาดและขยายการเติบโตทางธุรกิจในประเทศภูมิภาค AEC+3 (PenetrateRegional Market) ด้วยกลยุทธ์รุกขยายสินเชื่อให้ลูกค้าธุรกิจ โดยอาศัยความได้เปรียบด้านความสัมพันธ์ที่มีกับลูกค้าธนาคาร รวมทั้งขยายฐานลูกค้าผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรธนาคารในสาธารณรัฐประชาชนจีน และการพัฒนาช่องทางดิจิทัลในการทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศภูมิภาค AEC และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่รองรับการให้สินเชื่อดิจิทัลโดยตั้งเป้าหมายภายในปี 2566 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจในต่างประเทศเป็น 5% ของรายได้ธนาคาร