วันพุธ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
รายงานพิเศษ : เตะถ่วง โรงไฟฟ้าขยะชุมชนทั้งรัฐ-เอกชน-ประชาชน...มีแต่เสียกับเสีย

รายงานพิเศษ : เตะถ่วง โรงไฟฟ้าขยะชุมชนทั้งรัฐ-เอกชน-ประชาชน...มีแต่เสียกับเสีย

วันเสาร์ ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.
Tag : รายงานพิเศษ
  •  

nn น่าแปลกใจที่การรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการกำจัดมูลฝอย ไม่สามารถประสานการทำงานได้ระหว่างกระทรวงมหาดไทยในฐานะเจ้าของโครงการ ซึ่งดำเนินงานภายใต้ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดของบ้านเมือง ตามวาระแห่งชาติแก้ปัญหาขยะล้นเมือง กับกระทรวงพลังงาน ซึ่งต้องเข้ามาช่วยสนับสนุนเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการดังกล่าว

โครงการนี้ถือว่ามีความล่าช้ายาวนานหลายปี ประกอบกับกระทรวงพลังงานในสมัยปัจจุบันนี้ กลับมีการให้ทบทวนอัตรารับซื้อไฟฟ้าตามรูปแบบ FiT (Feed-in-Tariff) ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนทั้งระบบ โดยส่งผ่านทางมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ไปศึกษาทบทวนอัตรารับซื้อใหม่จนทำให้ทั้ง 32 โครงการของกระทรวงมหาดไทยที่ผ่านขั้นตอนตามระเบียบราชการแล้ว จำนวนไฟฟ้าที่เสนอขายเข้าระบบ 272.98 เมกะวัตต์ พร้อมทั้งส่งรายชื่อให้ทั้งกระทรวงพลังงาน และ กกพ. ทราบแล้ว ติดขัดไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ ปริมาณขยะจากหลุมฝังกลบที่กองล้นทั่วประเทศจึงไม่ได้รับแก้ไขตามไปด้วย


การให้ทบทวนอัตรา FiT นั้น กระทรวงพลังงานอ้างว่าเป็นอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่เกิดภาระต่อประชาชน แต่ทุกฝ่ายทราบดีว่าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทุกประเภทมีต้นทุนการผลิตที่สูง รัฐจำเป็นต้องสนับสนุนและส่งเสริมให้โครงการเหล่านี้เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่การพึ่งพาตนเองด้านพลังงานสะอาดและสอดรับกับนโยบายพัฒนาพลังงานของโลกที่นานาประเทศร่วมมือกันเพื่อลดก๊าซเรือนกระจกที่มาจากโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งจาก แสงอาทิตย์ ชีวมวล ลม ก๊าซชีวภาพ และขยะชุมชน ล้วนผ่านโปรแกรมการสนับสนุนในรูปแบบอัตรารับซื้อไฟฟ้า (Adder) ตามรูปแบบเก่า และการให้เงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง หรือ FiT ซึ่งเป็นรูปแบบที่ใช้ในปัจจุบัน โดยภาระที่เกิดขึ้นจากการรับซื้อไฟฟ้าในระบบถูกสะท้อนผ่านค่าไฟฟ้าทั้งสิ้น ทั้งเข้าไปในส่วนของค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (FT) และค่าไฟฟ้าฐาน

ดังนั้น การที่กระทรวงพลังงานให้ทบทวนอัตรา FiT เพียงโรงไฟฟ้าขยะชุมชนดังกล่าวจึงอาจถือเป็นการเลือกปฏิบัติ และยังส่อเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากให้ใช้ฐานการคำนวณค่าเงินเฟ้อใหม่ ทำให้รายได้จากการขายไฟฟ้าบวกอัตราเงินเฟ้อลดลง และยังได้นำอัตราใหม่ขออนุมัติจาก กพช.เมื่อปลายปี 2564 เพื่อเปลี่ยนแปลงมติ กพช.ปี 2560 ที่กำหนดให้รับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) อัตรา 3.66 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดให้อัตรารับซื้อในส่วนของ FiT V หรือต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามอัตราเงินเฟ้อขั้นพื้นฐาน (Core Inflation)

โดยมติ กพช. ปี 2560 ที่ได้กำหนดอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากขยะชุมชนไว้ และทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้ใช้เป็นฐานการคัดเลือกผู้ประกอบการให้มาดำเนินงานทั้งสิ้น 32 โครงการ โดยเฉพาะ 2 โครงการ SPP ขนาดใหญ่ ได้แก่ โครงการนำขยะผลิตไฟฟ้า ณ ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช และศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม เป็นโครงการที่ได้ลงนามทำสัญญากับภาคเอกชนไปแล้ว เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2562 ทั้งที่ทราบดีว่าการเปลี่ยนแปลงมติ กพช. ปี 2560 จะสร้างความเสียหายให้ทุกภาคส่วน แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกลับเดินหน้าโดยไม่รับฟังเสียงของภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการที่โครงการถูกเตะถ่วงมาตลอดตั้งแต่ปี 2560 แม้กระทั่ง กพช. จะมีมติใหม่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564 แต่ผ่านมากว่า 5 เดือนโครงการก็ยังเดินหน้าไม่ได้

จึงเป็นที่มาของความไม่ลงรอยระหว่างกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพลังงาน รวมถึงปัญหาบานปลายที่นำมาสู่การเตรียมฟ้องร้องเอาผิดของภาคเอกชน จากการกระทำและคำสั่งที่ส่อไปในทางไม่ชอบด้วยกฎหมายของกระทรวงพลังงาน เทียบได้กับคดีการฟ้องร้องของบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ที่ยื่นฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนตามมาตรา 36 ของพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ซึ่งมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหัวข้อการประเมินข้อเสนอด้านเทคนิค และการเงิน จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการคัดเลือกเอกชน โดยไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการ ซึ่งศาลปกครองกลางมีคำวินิจฉัยเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2565 พิพากษาว่ากรณีนี้เป็นคำสั่งทางปกครองทั่วไปที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ที่สำคัญกว่านั้น การเตะถ่วงโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนของกระทรวงพลังงาน ไม่มีใครได้ประโยชน์ มีแต่สร้างความเสียหาย ทั้งรัฐบาลที่ไม่สามารถเดินหน้าแก้ปัญหาขยะล้นเมืองได้เบ็ดเสร็จ และไม่สามารถบอกนานาประเทศได้เต็มปากเต็มคำว่า ไทยมีส่วนร่วมลดภาวะโลกร้อนตามที่ได้ประกาศเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 20-25% ภายในปี 2573 ส่วนภาคเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกแต่เดินหน้าโครงการไม่ได้ ก็ได้รับผลกระทบรายวันจำนวนมหาศาล ที่สำคัญประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ปัญหาขยะก็สะสมต่อไป

การไม่สามารถทำงานอย่างบูรณาการได้ระหว่างกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงพลังงานครั้งนี้ จึงเป็นที่เคลือบแคลงในวงการพลังงานว่าเหตุผลใดกันแน่ที่ทำให้สองกระทรวงประสานงานไม่ลงตัว และนายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน กพช. ควรเข้ามาแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองหรือไม่ เพราะการปล่อยให้โครงการนำขยะมาผลิตไฟฟ้าถูกลากยาวออกไป ก็เท่ากับนโยบายที่รัฐบาลประกาศให้การบริหารจัดการขยะเป็นวาระแห่งชาติล้มเหลว

กระบองเพชร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • รายงานพิเศษ : มองอุตสาหกรรมยางไทยยังพอแข่งขันได้ แม้จะได้รับผลกระทบจากภาษี \'ทรัมป์ 2.0\' รายงานพิเศษ : มองอุตสาหกรรมยางไทยยังพอแข่งขันได้ แม้จะได้รับผลกระทบจากภาษี 'ทรัมป์ 2.0'
  • รายงานพิเศษ : เหตุผลที่หนุนยกเลิกเตา IF เพราะเสี่ยงผลิตเหล็กไม่ได้มาตรฐาน รัฐยึดความปลอดภัยประชาชนเป็นหลัก รายงานพิเศษ : เหตุผลที่หนุนยกเลิกเตา IF เพราะเสี่ยงผลิตเหล็กไม่ได้มาตรฐาน รัฐยึดความปลอดภัยประชาชนเป็นหลัก
  • รายงานพิเศษ :  ITD จับมือ UNCTAD ร่วมถอดบทเรียน จากรายงานการค้าปี 2024 - Trade anddevelopment foresights 2025 ย้ำไทยต้องเร่งยกระดับนโยบายสู่อนาคตใหม่ รายงานพิเศษ : ITD จับมือ UNCTAD ร่วมถอดบทเรียน จากรายงานการค้าปี 2024 - Trade anddevelopment foresights 2025 ย้ำไทยต้องเร่งยกระดับนโยบายสู่อนาคตใหม่
  • รายงานพิเศษ : อินเดียคือหนึ่งในโอกาสของภาคเกษตรและอาหารไทย รายงานพิเศษ : อินเดียคือหนึ่งในโอกาสของภาคเกษตรและอาหารไทย
  • รายงานพิเศษ : สงครามการค้า‘สหรัฐ&จีน’...ไทยต้องไม่ควรมองข้าม รายงานพิเศษ : สงครามการค้า‘สหรัฐ&จีน’...ไทยต้องไม่ควรมองข้าม
  •  

Breaking News

'อิ๊งค์'ต้องลาออก 'สมชาย'ฟาดสำนึก'นายกฯ'ควรรับผิดชอบ

ฝังแพทองธาร! ‘ฮุน เซน’เตรียมแฉเปิดคลิปเสียงเต็ม 17 นาที

(คลิปเสียง) ว่อนคลิปเสียง 'อุ๊งอิ๊งค์' คุย 'ฮุน เซน' ชี้ 'มทภ.2'เป็นฝ่ายตรงข้าม

'ปิยบุตร'ทุบโต๊ะ'นายกฯ'ต้องยุบสภา เซ่นคลิปเสียงฮุนเซน-แย่งเก้าอี้ มท.

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved