วันจันทร์ ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
รายงานพิเศษ : สงครามการค้า‘สหรัฐ&จีน’...ไทยต้องไม่ควรมองข้าม

รายงานพิเศษ : สงครามการค้า‘สหรัฐ&จีน’...ไทยต้องไม่ควรมองข้าม

วันเสาร์ ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.
Tag : รายงานพิเศษ
  •  

ll เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ทำเนียบขาวสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ปรับขึ้นการจัดเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมภายใต้มาตรา 301 ซึ่งจะมีผลต่อสินค้านำเข้าจากจีนในหลายกลุ่มเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จาก 25% เป็น 100% รวมถึงแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจาก 7.5% เป็น 25% เซมิคอนดักเตอร์และแผงโซลาร์เซลล์จาก 25% เป็น 50% ตลอดจนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์จาก 0-7.5% เป็น 25-50% ซึ่งครอบคลุมมูลค่าการนำเข้าราว 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะทยอยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2567 นี้ไปจนถึงปี 2569

ttb analytics มองว่ามาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อหวังผลประโยชน์ในเชิงยุทธศาสตร์ เนื่องจากการขึ้นภาษีนำเข้าระลอกนี้คิดเป็น 4% ของมูลค่านำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ เทียบกับมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ช่วงสงครามการค้าปี 2561 ซึ่งกระทบสินค้านำเข้าจากจีนถึง 66.4% หรือกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ การประกาศยกระดับมาตรการกีดกันทางการค้าในช่วงก่อนเข้าสู่ฤดูกาลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ EV นอกจากจะเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศซึ่งมีมูลค่าถึง 3% ของจีดีพีสหรัฐฯ แล้วยังเป็นการแสดงออกเพื่อหวังช่วงชิงคะแนนเสียงให้แก่ประธานาธิบดีไบเดนในรัฐสำคัญที่เป็นแหล่งที่ตั้งหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งมีโอกาสพลิกผลการเลือกตั้งได้เสมอ (Swing State) เช่น รัฐมิชิแกน และรัฐโอไฮโอ


อีกมุมหนึ่ง สหรัฐฯ ต้องการลดอำนาจการครอบงำตลาดของจีน โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบในรอบนี้ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด (Green Energy) ซึ่งจีนเป็นผู้นำตลาดโลกในหลายอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่น ห่วงโซ่การผลิตแผงโซลาร์เซลล์ของจีนคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดในตลาดโลกสูงถึง 80% เมื่อเทียบกับส่วนแบ่งตลาดของสหรัฐฯ ที่ 5% เช่นเดียวกับส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ EV ทั้งโลกในปี 2566 กว่า 29.5% มาจากแบรนด์จีนทั้งสิ้น ส่วนสหรัฐฯ อยู่ที่ 20% ยิ่งกว่านั้น หากสินค้าหมวด Green Energy จากจีนทะลักเข้าสหรัฐฯ มากขึ้น อาจจะส่งผลให้ผู้บริโภคชาวสหรัฐฯ มีทัศนคติต่อสินค้าจีนดีขึ้นและเปิดทางให้ผู้บริโภคยอมรับสินค้าอื่นๆ ที่มาจากจีนเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย

นอกจากนี้ ท่าทีดังกล่าวยังเป็นการสร้างความกดดันยุโรปซึ่งเป็นชาติพันธมิตร ซึ่งจีนพึ่งพาตลาดยุโรปสูงถึง 14.6% ของมูลค่าส่งออก
ของจีนทั้งหมด โดยมองว่าสหรัฐฯ มีความพยายามกดดันยุโรปและชาติพันธมิตรอื่นๆ ให้พิจารณาขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากจีนด้วยเช่นกัน
เนื่องจากผู้ส่งออกจีนพยายามเปลี่ยนเส้นทางการค้า (Trade Diversion) กระจายไปยังประเทศอื่นมากขึ้นเพื่อทดแทนตลาดสหรัฐฯ รวมถึงส่งผ่านไปยังประเทศที่สามเพื่อเป็นช่องทางส่งต่อไปยังสหรัฐฯ อีกทอดหนึ่ง อย่างไรก็ดี ประเทศสมาชิกยุโรปบางส่วนกลับไม่เห็นด้วยต่อการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน เนื่องจากยุโรปเองมีฐานการผลิตสินค้าสำคัญในประเทศจีนเช่นกัน

ttb analytics มองว่า บรรยากาศการค้าทั่วโลกจะมีแนวโน้มตึงเครียดขึ้นในระยะต่อไปจากการเพิ่มระดับการกีดกันทางการค้า ตลอดจน
ประเด็นความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงครุกรุ่นในหลายภูมิภาค โดยมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะเป็นการเร่งให้ผู้ผลิตจีนกระจายการผลิตและหันไปลงทุนในเม็กซิโกมากขึ้นภายใต้ข้อตกลงสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) โดยเฉพาะการกระจายฐานการผลิตเพื่อส่งออกรถยนต์ EV ไปสหรัฐฯ เร็วขึ้น

จากท่าทีการตอบโต้ทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลักช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นการตอกย้ำถึงรูปแบบการค้าโลกที่เปลี่ยนเป็น “การทวนกระแสโลกาภิวัตน์” (Deglobalization) ชัดเจนขึ้น ซึ่งสวนทางกับบทบาทการค้าของจีนในตลาดโลกที่ทรงอิทธิพลขึ้นทุกขณะ ทั้งนี้ อุตสาหกรรมภาคการผลิตของจีนเติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังปลดล็อกกฎหมายที่เอื้อสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนจากต่างชาติในปี 2561 ทำให้สินค้าที่ผลิตและส่งออกจากจีนตอบโจทย์ตลาดโลกมากขึ้น สะท้อนจากสัดส่วนมูลค่าการส่งออกจีนในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 12.6% ของมูลค่าส่งออกทั้งโลกในช่วงปี 2555-2560 เป็น 22.3% ในระหว่างปี 2564-2566 นอกจากนี้ ttb analytics ยังมองว่า ผู้ผลิตจีนใช้ประโยชน์จากความใกล้ชิดเชิงการเมือง (Political Closeness) ในการสร้างความได้เปรียบทางการค้า จนทำให้จีนสามารถเกินดุลการค้ากับคู่ค้าทั่วโลกเพิ่มขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งแบ่งยุทธศาสตร์การค้าออกเป็น 3 ขั้วหลัก ได้แก่

ขั้วแรก : จีนเพิ่มการส่งออกและนำเข้าสินค้ากับประเทศคู่ค้าเชิงยุทธศาสตร์ (StrategicPartners) เช่น รัสเซีย และกลุ่มประเทศ BRICS เวียดนาม และเม็กซิโก ภายหลังจากที่รัสเซียถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตร ทำให้รัสเซียหันมาทำการค้ากับจีนมากขึ้น และบรรลุข้อตกลงทวิภาคีทางเศรษฐกิจและธุรกิจหลายข้อ ส่งผลให้มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นถึง 78.7% เมื่อเทียบกับปี 2565 นอกจากนี้ จีนอาจมองเวียดนามและเม็กซิโกเป็นเหมือนช่องทางการค้าเชิงยุทธศาสตร์ที่จะเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ เพื่อแสวงข้อได้เปรียบด้านสิทธิประโยชน์ทางการค้าจากการเป็นสมาชิกข้อตกลงเขตการค้าเสรีหลายฉบับกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ สะท้อนจากผู้ผลิตในจีนย้ายฐานผลิตไปยังเวียดนามและเม็กซิโกเพิ่มขึ้นในระยะหลัง

ขั้วที่สอง : จีนเพิ่มการส่งออก แต่ลดการนำเข้ากับประเทศที่มีความเป็นกลาง (Neutral Partners) เช่น ยุโรป อาเซียน และไทย โดยจีนส่งออกไปยุโรปเพิ่มขึ้นเพื่อเข้ามาทดแทนตลาดสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งจากระดับรายได้ต่อหัวและการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานที่มีความคล้ายคลึงและใกล้เคียงกับตลาดสหรัฐฯกอปรกับผู้ผลิตบางส่วนหันไปตั้งโรงงานผลิตในจีนมากขึ้น โดยสินค้าส่งออกจีนที่เติบโตได้ดี เช่น รถยนต์และส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักร อีกทั้งจีนยังส่งออกไปยังกลุ่มประเทศในแถบอาเซียนเพิ่มขึ้นในเกือบทุกหมวด โดยสัดส่วนการส่งออกจีนไปตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้นจาก 12.9% ในปี 2561 เป็น 15.7% ของมูลค่าการส่งออกจีนทั้งหมดในปี 2566 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึงปีละ 12.2% อย่างไรก็ดีจีนกลับมีแนวโน้มลดการนำเข้าสินค้าจากกลุ่มประเทศดังกล่าวในหลายประเภทสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่สามารถทดแทนได้ง่ายและบางส่วนสามารถนำเข้าจากประเทศคู่ค้าเชิงยุทธศาสตร์แทนได้ อาทิ สินค้าเกษตร แร่และเชื้อเพลิง เครื่องจักรและเครื่องใช้ไฟฟ้าส่งผลให้จีนมีแนวโน้มเกินดุลการค้ากับประเทศกลุ่มนี้มากขึ้นในระยะหลัง

ขั้วที่สาม : จีนลดทั้งการส่งออกและการนำเข้ากับประเทศคู่ขัดแย้งชัดเจน (ConflictPartners) เช่น สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยจีนพยายามลดบทบาทการค้ากับสหรัฐฯ อย่างเห็นได้ชัดหลังการตอบโต้ทางการค้าระหว่างกันอย่างไม่รู้จบ นับตั้งแต่ปี 2561 สหรัฐฯ ประกาศขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีน จากเดิมเฉลี่ย 3.1% ปรับขึ้นเป็น 15-25% จนในปี 2565 เช่นเดียวกับจีนที่ตอบโต้ด้วยการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ จากเดิม 8% เป็น 21.1% ทำให้มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศลดลงเฉลี่ยปีละ 2.7% แต่กระนั้น จีนยังคงเกินดุลการค้าจากการลดบทบาททางการค้าทั้งด้านการส่งออกและนำเข้ากับประเทศดังกล่าว

กล่าวโดยสรุป จีนพยายามลดการขาดดุลการค้าผ่านการเพิ่มปริมาณการค้ากับประเทศคู่ค้าเชิงยุทธศาสตร์และสร้างสมดุลการค้ากับประเทศที่มีความเป็นกลาง รวมถึงพยายามลดบทบาทคู่ค้าที่มีความขัดแย้งชัดเจน ฉะนั้นแล้วไทยซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีความ “เป็นกลาง”อาจต้องเผชิญกับการขาดดุลการค้ากับจีนรุนแรงเพิ่มขึ้นในระยะยาว หากไทยไม่เร่งแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างภาคการผลิต ด้วยการสนับสนุนอุตสาหกรรมโลกใหม่ที่จะเข้ามาทดแทนและเป็นตัวขับเคลื่อนการส่งออกในระยะข้างหน้า

ttb analytics

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • รายงานพิเศษ :  กนอ.เปิดยุทธศาสตร์ใหม่ ปฏิรูปภาคการผลิตไทยผ่านหลักสูตร SGIL รายงานพิเศษ : กนอ.เปิดยุทธศาสตร์ใหม่ ปฏิรูปภาคการผลิตไทยผ่านหลักสูตร SGIL
  • รายงานพิเศษ : มองอุตสาหกรรมยางไทยยังพอแข่งขันได้ แม้จะได้รับผลกระทบจากภาษี \'ทรัมป์ 2.0\' รายงานพิเศษ : มองอุตสาหกรรมยางไทยยังพอแข่งขันได้ แม้จะได้รับผลกระทบจากภาษี 'ทรัมป์ 2.0'
  • รายงานพิเศษ : เหตุผลที่หนุนยกเลิกเตา IF เพราะเสี่ยงผลิตเหล็กไม่ได้มาตรฐาน รัฐยึดความปลอดภัยประชาชนเป็นหลัก รายงานพิเศษ : เหตุผลที่หนุนยกเลิกเตา IF เพราะเสี่ยงผลิตเหล็กไม่ได้มาตรฐาน รัฐยึดความปลอดภัยประชาชนเป็นหลัก
  • รายงานพิเศษ :  ITD จับมือ UNCTAD ร่วมถอดบทเรียน จากรายงานการค้าปี 2024 - Trade anddevelopment foresights 2025 ย้ำไทยต้องเร่งยกระดับนโยบายสู่อนาคตใหม่ รายงานพิเศษ : ITD จับมือ UNCTAD ร่วมถอดบทเรียน จากรายงานการค้าปี 2024 - Trade anddevelopment foresights 2025 ย้ำไทยต้องเร่งยกระดับนโยบายสู่อนาคตใหม่
  • รายงานพิเศษ : อินเดียคือหนึ่งในโอกาสของภาคเกษตรและอาหารไทย รายงานพิเศษ : อินเดียคือหนึ่งในโอกาสของภาคเกษตรและอาหารไทย
  •  

Breaking News

‘ภูมิธรรม’กำชับ‘พ่อเมืองทุกจังหวัด’ นำนโยบายรัฐบาลไปปฏิบัติให้เกิดผลจริง

'ศบ.ทก.'แจงเหตุตึงเครียดชายแดน มาจากคำสั่งผู้นำระดับสูงกัมพูชา ยั่วยุที่ปราสาทตาควาย

แห่จับตา'ดิว อริสรา'ส่งสัญญาณ!? โพสต์ข้อความเด็ดมีหลายอย่างในใจที่ยังไม่ได้พูด

แวะปั๊มเติมด่วน! พรุ่งนี้น้ำมันเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ขึ้นราคาอีก 40 สตางค์

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved