** การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ประกาศการลงนามสัญญาจ้าง ดร.สุเมธ ตั้งประเสริฐ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. คนที่ 13 อย่างเป็นทางการ นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ ดร.สุเมธ จะเข้ามารับผิดชอบภารกิจสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายในยุคปัจจุบัน
การแต่งตั้ง ดร.สุเมธ ได้รับความเห็นชอบจากทั้งคณะกรรมการ กนอ., กระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี โดยมี นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ กนอ. เป็นผู้ลงนามในสัญญาจ้างครั้งนี้ นายยุทธศักดิ์ ได้แสดงความยินดีและเน้นย้ำถึงความสำคัญของตำแหน่งนี้ โดยเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์และความสามารถของ ดร.สุเมธ ที่จะเข้ามาผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ กนอ.ในทุกมิติ สำหรับวาระการดำรงตำแหน่งของ ดร.สุเมธ จะอยู่ที่ 4 ปี โดยจะมีการประเมินผลการปฏิบัติงานจากคณะกรรมการ กนอ. ปีละ 2 ครั้ง และหากผลงานเป็นที่น่าพอใจ ก็อาจได้รับการพิจารณาแต่งตั้งต่ออีกวาระหนึ่ง
ดร.สุเมธ ตั้งประเสริฐ ได้แสดงความพร้อมอย่างเต็มที่ในการรับตำแหน่งนี้ โดยระบุว่าสามารถสานต่อภารกิจต่างๆ ของ กนอ.ได้ทันที ด้วยประสบการณ์จากการมีส่วนร่วมทั้งในฐานะกรรมการ และรักษาการผู้ว่าการ กนอ. ตลอด 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา โดย หนึ่งในภารกิจเร่งด่วนที่ ดร.สุเมธ พร้อมดำเนินการทันที คือการสนองนโยบายของ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในการ ปราบปรามนิคมอุตสาหกรรมที่ผิดกฎหมาย และ อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ ซึ่ง ดร.สุเมธ ชี้ว่าอุตสาหกรรมเถื่อนเหล่านี้ไม่เพียงไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังส่งผลกระทบเชิงลบต่อประเทศอย่างรุนแรง การดำเนินการนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรมและยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมไทยโดยรวม
นอกจากนี้ ดร.สุเมธ ยังคงเน้นย้ำบทบาทสำคัญของ กนอ.ในการกำกับดูแลนิคมอุตสาหกรรมให้มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อให้การพัฒนาอุตสาหกรรมเติบโตควบคู่ไปกับการรักษาสมดุลทางธรรมชาติและคุณภาพชีวิตของชุมชน
ดร.สุเมธ ได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของ กนอ.ที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมไทย ให้เข้าถึงโอกาส ก้าวไปสู่การเป็นอุตสาหกรรมยุคใหม่ ที่เน้นการเพิ่มมูลค่า นวัตกรรม และเทคโนโลยี เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระดับสากล และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน
สำหรับการเปิดเผยรายละเอียดของนโยบายและแผนงานการดำเนินงานในฐานะผู้ว่าการ กนอ. อย่างเป็นทางการนั้น ดร.สุเมธ ระบุว่าจะมีการแถลงให้ทราบอีกครั้งในภายหลัง หลังจากที่ได้นำเสนอแผนงานต่อคณะกรรมการ กนอ. เพื่อพิจารณาอนุมัติให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดตามเป้าหมายในแผนงานที่ต้องมีการประเมิน 2 ครั้งต่อปีเสียก่อน การเข้ามาของ ดร.สุเมธ ตั้งประเสริฐ ในฐานะผู้ว่าการ กนอ.คนใหม่ จึงเป็นที่จับตามองอย่างยิ่งว่า กนอ. ภายใต้การนำของเขาจะสามารถฝ่าฟันความท้าทายและนำพาภาคอุตสาหกรรมไทยก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ดร.สุเมธ ตั้งประเสริฐ วัย 48 ปี มีประวัติการศึกษาที่โดดเด่น โดยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก 2 สาขา คือ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาปรัชญาการเมือง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อนหน้านี้ ดร.สุเมธ มีประสบการณ์เป็นผู้บริหารในภาคเอกชนหลายแห่ง และยังเคยได้รับทาบทามให้ดำรงตำแหน่งกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในหน่วยงานภาครัฐหลายแห่ง อาทิ คณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (กวทช.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT), องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.), ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ.อ.ส.) และคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.)
ดร.สุเมธ ได้รับการแต่งตั้งเป็นบอร์ด กนอ. ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 และได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่รักษาการผู้ว่าการ กนอ. เมื่อเดือนกันยายน 2567 แทน นายวีริศ อัมระปาล ที่ลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ ประสบการณ์อันหลากหลายเหล่านี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการบริหารงานของ กนอ.ได้เป็นอย่างดี
** อนันตเดช พงษ์พันธุ์**
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี